บลจ.บีแคป ประเมินการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ต่อเนื่องปีหน้ายังมีความผันผวนสูง แม้เงินเฟ้อจจะผ่านจุดสูงสุด เนื่องจากธนาคารกลางยังคงนโยบายการเงินตึงตัว กดดันเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียน ส่งผลต่อภาพรวมตลาด แนะลงทุนแบบการกระจายความเสี่ยงในหลากหลายสินทรัพย์ พร้อมชูลงทุน 2 ซีรี่ย์กองทุน”SSF-RMF” เพิ่มโอกาสผลตอบแทน และได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีปี 2565
นางเมธ์วดี ประเสริฐสินธนา กรรมการผู้จัดการ บลจ.บางกอกแคปปิตอล (BCAP) ระบุว่าเดือน ธ.ค.เป็นช่วงเทศกาลวางแผนภาษี โดยเฉพาะช่วงนี้ตลาดหุ้นและสินทรัพย์หลายประเภทมีความผันผวน และปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก เนื่องจากได้รับผลกระทบจากผลของเงินเฟ้อและการขึ้นดอกเบี้ยที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าลงทุน กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) คุณภาพดีที่มีผลการดำเนินงานดีสม่ำเสมอเพื่อนำไปลดหย่อนภาษีปี 2565 ซึ่งเหลือเวลาลงทุนอีกไม่ถึงเดือน
บลจ.บีแคป แนะนำซีรี่ย์กองทุนเปิด บีแคป โกลบอล เวลท์ เพื่อการออม (BCAP -GW SSF) ทั้ง 5 กองและ ซีรี่ย์กองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ทาร์เก็ต เดท เพื่อการเลี้ยงชีพ (BCAP Global Target Date RMF) ซึ่งทั้ง 2 ซีรี่ย์กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักลงทุนในด้านการลงทุนและการวางแผนรับสิทธิประโยชน์ทางด้านการลดหย่อนภาษี
กองทุนเปิด BCAP Global Target Date RMF ออกแบบมาให้เหมาะสมกับแผนการเกษียณของแต่ละช่วงวัยและได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร สามารถลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท ส่วนกองทุน BCAP -GW SSF เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ และลงทุนผ่านกองทุนรวมและ ETF ทั่วโลก ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารกองทุนสูง
BCAP -GW SSF มีนโยบายการลงทุนครอบคลุมทรัพย์สินทั่วโลก กระจายการลงทุนในหลากหลายทรัพย์สินทั้งในและต่างประเทศ ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ ทรัพย์สินทางเลือก เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ REITs กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงทองคำ โดยกองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนรวมและกองทุน ETF ทำให้มีความคล่องตัวในการบริหารกองทุนสูงและไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล เพื่อสะสมผลตอบแทนที่ได้ลงทุนต่อเนื่อง ส่วนเงินลงทุนในต่างประเทศกองทุนจะป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน
สำหรับจุดเด่นของกองทุน BCAP Target date series เป็นกองทุน RMF ที่ปรับสัดส่วนการลงทุนให้สอดคล้องตามช่วงอายุ โดยผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามปีที่จะเกษียณอายุผ่าน 3 ทางเลือกกองทุน ได้แก่ BCAP2030RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี 2568-2578, BCAP2040RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี 2579-2588 และ BCAP2050RMF สำหรับผู้ที่วางแผนเกษียณช่วงปี 2589-2598 ซึ่งแต่ละกองทุนจะมีทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสินทรัพย์คอยดูแลอย่างใกล้ชิดในการปรับพอร์ตการลงทุนและติดตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลง เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม โดยไม่ต้องกังวลกับตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างสูง
นางเมธ์วดีกล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการวางแผนเกษียณจึงเป็นสิ่งสำคัญ ในขณะที่คนแต่ละช่วงอายุมีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมและความเสี่ยงที่รับได้แตกต่างกัน การมีกองทุนที่จัดพอร์ตการลงทุนให้เหมาะกับแต่ละช่วงอายุและสอดคล้องกับแผนการเกษียณจึงเป็นตัวช่วยที่ตอบโจทย์ผู้ลงทุน
สำหรับผู้ที่อายุยังน้อย มีเวลาในการลงทุนมากควรเน้นลงทุนในทรัพย์สินเสี่ยง เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาว ส่วนผู้ที่ใกล้เกษียณอายุต้องเพิ่มการลงทุนในทรัพย์สินมั่นคง เพื่อเน้นรักษาเงินต้น ซึ่งรูปแบบการลงทุนดังกล่าวถูกออกแบบผ่านกองทุนเปิดบีแคป โกลบอล ทาร์เก็ต เดท เพื่อการเลี้ยงชีพ ตอบโจทย์ทุกวัย
สิทธิประโยชน์ทางภาษีเมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร โดยกองทุน RMF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและวงเงินลงทุนได้ไม่เกิน 500,000 บาท โดยต้องนับรวมกองทุนเพื่อการออม (SSF) วงเงินปกติ และการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ โดยต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปี นับตั้งแต่ซื้อครั้งแรก (นับแบบวันชนวัน) และขายคืนได้เมื่อถือจนอายุ 55 ปีบริบูรณ์
ส่วนกองทุน SSF สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินและวงเงินลงทุนได้ไม่เกิน 200,000 บาท และต้องถือครองอย่างน้อย 10 ปี (นับแบบวันชนวัน)
กองทุนประหยัดภาษี BCAP Global Wealth SSF ที่นักลงทุนเลือกลงทุนในความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยมีรูปแบบพอร์ตการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง 10%, 25%, 50%, 75% และสูงสุดที่สัดส่วนสินทรัพย์เสี่ยง 90%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 65)
Tags: RMF, SSF, บลจ.บีแคป, ภาษี, เมธ์วดี ประเสริฐสินธนา