นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) กล่าวว่า บริษัทเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) ในช่วงที่ผ่านมาประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างล้นหลาม การเข้ามาระดมทุนในครั้งนี้จะปลดล็อกศักยภาพในการเติบโตของ SGC เพื่อรองรับการขยายพอร์ตสินเชื่อ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้ลูกค้า ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ประชาชน และมอบคุณค่าที่มากกว่าให้สังคม สร้างการเติบโตอย่างคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้น
เงินที่ได้จากการระดมทุนราว 3,104.85 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเสนอขายหลักทรัพย์) บริษัทจะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจบริการสินเชื่อเพื่อรองรับลูกค้ารายใหม่ และบางส่วนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน 1,504.85 ล้านบาทภายในปี 66 รวมทั้งนำเงินบางส่วนไปชำระเงินกู้ยืม บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ จำนวน 1,600 ล้านบาท ภายในไตรมาส 3/66
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัท
นางยอดฤดี สันตติกุล กรรมการบริหาร บล.เอเซีย พลัส ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม เปิดเผยว่า หุ้น IPO ของ SGC ได้รับการตอบรับอย่างคึกคักจากนักลงทุน จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง นักลงทุนมีความเข้าใจในธุรกิจ มีความน่าเชื่อถือ ประกอบกับ การกำหนดราคา IPO ที่ 3.90 บาท/หุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม สนับสนุนให้หุ้น IPO ทั้งจำนวน 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทได้รับการจองซื้อหมดทั้งจำนวน
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวเสริมว่า เงินระดมทุนในครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ SGC เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการสินเชื่อที่หลากหลาย ด้วยเครือข่ายที่แข็งแกร่ง ผ่านสาขาและสาขาแฟรนไชส์ของบริษัท รวมทั้ง ผสานความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกับบริษัทในเครือ (Synergy) โดยมุ่งเน้นสินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” ที่มีการเติบโตในอัตราเร่ง โดยเฉพาะประเภทรถบรรทุก ซึ่งมีฐานลูกค้าคือกลุ่มผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ทำให้สามารถควบคุม NPL ในพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน อยู่ในระดับต่ำไม่ถึง 1% และมีมูลค่าตลาดที่ใหญ่มาก เป็นโอกาสขยายการเติบโตให้แข็งแกร่งต่อไป
ภายหลังเข้าจดทะเบียน SGC จะมีฐานทุนที่ใหญ่ขึ้น ด้วยต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มความสามารถในการทำกำไรที่ดี และมุ่งสู่เป้าหมายพอร์ตสินเชื่อจะเติบโตแตะระดับ 50,000 ล้านบาทภายในปี 69 หรือเติบโตต่อปีไม่ต่ำกว่า 32% จาก ณ สิ้นไตรมาส 3/65 มีมูลค่าลูกหนี้ 15,102 ล้านบาท
ในด้านผลการดำเนินงานของ SCG ในงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 1,665 ล้านบาท เติบโต 27% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 51% ที่เหลือเป็นรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อสวัสดิการพนักงาน และดอกเบี้ยสินเชื่อผ่อนทองและสินเชื่ออื่นๆ และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 467 ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับต่ำที่ 3.7 %
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 65)
Tags: IPO, SGC, SINGER, ซิงเกอร์ประเทศไทย, นักลงทุน, บุษบา กุลศิริธรรม, ประเสริฐ ตันตยาวิทย์, ยอดฤดี สันตติกุล, หุ้นไทย, เอสจี แคปปิตอล