ล่าสุด BlockFi แพลตฟอร์มให้กู้คริปโทเคอร์เรนซีก็ไปไม่รอดต้องประกาศล้มละลาย Chapter 11 แต่ Sam Bankman-Fried ยังคงใช้ชีวิตสุขสบาย ออกมาให้สัมภาษณ์บ้างไม่ได้หายหน้าหายตาไปไหน ขณะที่นักลงทุนยังคงคาดหวังจะได้เงินคืนจาก FTX
BlockFi แพลตฟอร์ม DeFi ชื่อดังประกาศล้มละลายภายใต้ Chapter 11 จากเหตุวิกฤติ FTX เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่า Domino Effect จาก FTX จะสิ้นสุดที่ใด
กรณีของ FTX นับว่าดีกว่ากรณีของ LUNA เพราะ Sam Bankman-Fried (SBF) ยังมีความเคลื่อนไหวออกมาสัมภาษณ์ให้เราเห็นหน้ากันบ้าง อย่างล่าสุดได้ให้สัมภาษณ์กับ Vlogger คริปโทฯ สาว Tiffany Fong ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งในบทสนทนาแน่นอนว่ามีคำถามสำคัญหลายข้อเกี่ยวกับการล่มสลายของ FTX
Tiffany Fong เริ่มต้นคำถามสำคัญอย่างประเด็น Backdoor ที่สามารถทำให้ SBF ดำเนินการใด ๆ ที่อาจเปลี่ยนแปลงบันทึกทางการเงินของบริษัท (FTX) ได้โดยไม่ต้องแจ้งเตือนผู้อื่น ซึ่งทาง SBF ก็ออกมาปฏิเสธชัดเจน พร้อมทั้งออกตัวว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเขียน code อย่างไร แล้วก็ไม่เคยเปิดดูรหัสเลย
ในส่วนของเหรียญ FTT เขามองว่าเป็นโทเค็นที่มีค่าจริง ๆ และในบางแง่มุมก็ถูกต้องตามกฎหมาย แถมยังมี Ecosystem ที่ดีรองรับอีกด้วย โดยภาวะการขาดสภาพคล่อง ไม่ได้ทำให้เกิดความผิดพลาด แต่เกิดจาก “ความสัมพันธ์อย่างมากของสิ่งต่าง ๆ ระหว่างการเคลื่อนไหวของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อมันถูกกระตุ้นด้วยความกลัว” จึงทำให้ราคาเป็นอย่างที่เราเห็นกัน
และเมื่อ Tiffany Fong ถามถึงเรื่องเงินบริจาคที่เขาให้พรรคการเมืองทั้ง 2 ขั้วอย่าง Democrat และ Republican ก็มีคำตอบชัดเจนว่าเขาบริจาคให้ทั้ง 2 ฝ่ายในจำนวนที่เท่ากัน
สาย NFT คงคุ้นเคยกับ Opensea, NFT Marketplace ชื่อดังที่ให้บริการอยู่บน Ethereum Chain กันอยู่แล้ว และวันนี้ก็ถึงเวลาของ Binance Chain โดยทาง Opensea เองจะกำหนดเชื่อมต่อกับ Binance Chain เพื่อรองรับ NFT ผ่าน Seaport Protocol ภายในสิ้นปีนี้
การเคลื่อนไหวครั้งนี้จะทำให้เหล่า Creator สามารถเข้าถึงการชำระเงิน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ หรือ ขาย จาก Binance Chain บน Opensea ได้ง่ายขึ้น และหากดูให้ลึกจะพบว่า Binance Chain มีการเชื่อมต่อกับ DApps เยอะมาก แถมค่าธรรมเนียมก็ถูกมากด้วย ทั้งในหมวด DEFi, Gaming หรือว่า NFT และเมื่อเดือนที่แล้วทาง Binance เองก็ได้ทุ่มเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนให้บล็อกเชนเติบโตไปข้างหน้า คาดว่าผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ ก็จะได้มีผลิตภัณฑ์ดี ๆ ให้ใช้กัน
ตั้งแต่การอัปเกรด The Merge ของ Ethereum มาถึง เราจะเห็นว่าสายขุดซบเซากันไปบ้าง แต่ว่าฝั่งสายขุดบิทคอยน์ยังมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งหากดูราคาบิทคอยน์ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่ายังขุดคุ้มอยู่หรือไม่ เพราะต้นทุนในการขุดหรือว่าค่าไฟก็สูงเอาการ ซึ่งถ้าสามารถขุดบิทคอยน์โดยใช้ไฟฟรีได้ก็น่าจะดีมาก ๆ
แต่ล่าสุดทาง DSI นำทีมปฏิบัติการสายฟ้าฟาดภายใต้ชื่อ “Electrical” เข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ บุกทลายเหมืองขุดบิทคอยน์ 41 แห่งในพื้นที่กรุงเทพและนนทบุรีที่แอบใช้ไฟฟรี ซึ่งทำรัฐสูญเงินไปกว่า 500 ล้านบาท
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ระบุว่าได้รับคำร้องเรียนว่ามีการนำเครื่องขุดบิทคอยน์เข้ามาจากต่างประเทศและแอบลักลอบใช้ไฟฟรี DSI จึงได้ประสานงานกับการไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค รวมทั้งกรมศุลกากร เพื่อตรวจสอบเรื่องนี้และพบว่ามีการใช้ไฟจำนวนมากกระจายตัวอยู่จริง
จากการสืบสวนพบว่ามีกลุ่มนายทุนเช่าอาคารพาณิชย์กว่า 41 แห่งเพื่อวางเครื่องขุดจุดละประมาณ 100 เครื่อง แอบต่อไฟเข้าตัวอาคารตรง โดยไม่ผ่านมิเตอร์ของการไฟฟ้า ทำให้จ่ายค่าไฟเพียงเดือนละ 300-2,000 บาทเท่านั้น จากที่ความจริงต้องจ่ายเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง งานนี้การไฟฟ้านครหลวงขาดทุนยับ
จริง ๆ แล้ว ขุดบิทคอยน์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่ยอมจ่ายค่าไฟ!!
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 65)
Tags: BlockFi, Cryptocurrency, CryptoShot, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล