หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับตัวลงตามภูมิภาคกังวลเหตุประท้วงมาตรการคุมโควิดในจีน

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามภูมิภาค หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิดในจีนพุ่งทำนิวไฮ 4 วันติดต่อกัน และประชาชนออกมาประท้วงไม่พอใจนโยบาย Zero Covid และเรียกร้องประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง ลาออก ปัจจัยดังกล่าวยังกดดันราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมาต่อเนื่อง ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยให้แนวรับ 1,614-16,10 จุด และแนวต้าน 1,625-1,630 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงตามตลาดภูมิภาคเอเชียตอบรับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจีนปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องทำสถิติสูงสุดใหม่ ขณะที่ประชาชนออกมาประท้วงไม่พอใจนโยบาย Zero Covid ของทางการจีน และเรียกร้องให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ลาออก ขณะเดียวกันนักลงทุนก็กังวลว่า หากจีนยังคงนโยบายดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลงต่อเนื่องจากสถานการณ์ในจีน ทำให้เกิดความกังวลว่าอุปสงค์สินค้าโภคภัณฑ์จะลดลง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน ปิโตรเคมี เดินเรือ โรงกลั่น และสายการบิน เป็นต้น

แนะติดตามตัวเลขส่งออกของไทยเดือน ต.ค. ตลาดคาดขยายตัว 5.5% ชะลอลงจาก 7.8% ในเดือนก.ย., การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้คาดว่าจะมีการพิจารณมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย, การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กลางสัปดาห์นี้คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% จะส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์

ให้แนวรับ 1,614-16,10 จุด และแนวต้าน 1,625-1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (25 พ.ย.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,347.03 จุด เพิ่มขึ้น 152.97 จุด หรือ +0.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,026.12 จุด ลดลง 1.14 จุด หรือ -0.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,226.36 จุด ลดลง 58.96 จุด หรือ -0.52%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,220.56 จุด ลดลง 62.47 จุด หรือ -0.22%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,000.23 จุด ร่วงลง 573.35 จุด หรือ -3.26% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,055.29 จุด ลดลง 46.4 จุด หรือ -1.49%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 พ.ย.65) 1,620.84 จุด ลดลง 4.12 จุด, -0.25%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 166.65 ลบ.เมื่อวันที่ 25 พ.ย.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (25 พ.ย.) ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 2.13% ปิดที่ 76.28 ดอลลาร์/บาร์เรล และร่วงลง 4.78% ในรอบสัปดาห์นี้

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 พ.ย.) อยู่ที่ 8.83 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.04 อ่อนค่าตามภูมิภาค กังวลเหตุประท้วงโควิดในจีน-จับตาส่งออกไทย

– นายปริญญา แสงสุวรรณ อธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.) เปิดเผยแผนพัฒนาสนามบินภูมิภาคทั้ง 29 แห่ง ปี 66 ว่า หลังสายการบินเริ่มเพิ่มเที่ยวบิน ทำให้ ทย.มีเป้าหมายดำเนินการดังนี้ 1.เร่งขยายขีดความสามารถสนามบินภูมิภาคที่อยู่ในความรับผิดชอบให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มขึ้น ซึ่งมีแผนลงทุนรวมกว่า 4,568 ล้านบาท รองรับปริมาณผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสนามบิน ทย.รวม 41 ล้านคนในปี 66 และ 2.เพิ่มความสะดวกสบายให้ผู้โดยสาร และสายการบินที่มาใช้บริการด้วยการเปิดให้บริการเคาน์เตอร์เช็กอินร่วมสายการบิน

– บีโอไอลุ้นตัวโก่งดึงโรงงานแบตเตอรี่ออกจากอินโดนีเซียเข้าไทย คาดดีมานด์รถยนต์ไฟฟ้าไทยสูงเป็นประวัติการณ์ เผยดีลค่ายรถอีวี 4 ราย จบแล้ว รอชง พล.อ.ประยุทธ์ลงนาม ประกาศสิทธิยกเว้นภาษี 13 ปี ให้กิจการยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง fuel cell electric vehicles หรือ FCEV และกิจการลงทุนไฮเทคโนโลยีมีผล 3 มกราคม 2566 เตรียมโรดโชว์จีน-ยุโรปเคาะประตูนักลงทุน 200 ครั้ง หวังเบียดเวียดนาม

– รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งเริ่มปรับดอกเบี้ยเงินฝากกันเรื่อยๆ ดูได้จากแคมเปญเงินฝากพิเศษออกใหม่ ทั้งของธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐมีมากกว่า 20 แคมเปญ โดยจูงใจด้วยดอกเบี้ยที่สูงเพิ่มกว่าเดิม 0.36-1% เมื่อเทียบกับช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ทำให้การฝากเงินทยอยเพิ่มมากขึ้น แม้ที่ผ่านมาจะเห็นการขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ 0.20% แค่เพียงธนาคารแห่งเดียวเท่านั้น แต่เงินฝากประจำประเภท 3-36 เดือนได้ปรับขึ้นตั้งแต่ 0.10-0.75% และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นตามดอกเบี้ยนโยบาย

– สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ลงพื้นที่เยี่ยมชมและรับฟังความเห็นจากผู้ประกอบการโรงงานประกอบยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) บริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของบริษัท อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อใช้เป็นแนวทางกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนแบตตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน เสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย ยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) พิจารณาเร็วๆ นี้

หุ้นเด่นวันนี้

– CENTEL (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 54 บาท เป็นหนึ่งในตัวเต็งที่จะได้เข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ และ ลุ้น ครม. คาดเห็นชอบมาตรการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 เป็นบวกต่อธุรกิจโรงแรมในประเทศ

– CRC (ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 48 บาท กำไรสุทธิ 1.17 พันล้านบาทใน Q3/65 หรือพลิกจากขาดทุน 2.2 พันล้านบาทใน Q3/64 แต่ลดลง 21.1% qoq ตามปัจจัยฤดูกาล แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรจากการดำเนินงานปกติ 1.29 พันล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์ 9% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนสูงกว่าคาด เชื่อจะยังทำกำไรแข็งแกร่ง ระยะสั้น (Q4/65) เทศกาลเฉลิมฉลองและยอดใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวทั้งในไทยและอิตาลีจะทำให้กำไรสุทธิเติบโตสูงสุดทั้ง yoy และ qoq ขณะที่ระยะยาวเชื่อการขยายธุรกิจเดิมและการเปิดตัวร้านค้าปลีกรูปแบบใหม่ในไทยและเวียดนามจะเป็นหลักขับเคลื่อนกำไรสุทธิโตในอนาคต และจีนยกเลิกมาตรการจำกัดการเดินทางน่าจะทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาไทยและอิตาลีมากขึ้น

– BBL (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 156.00 บาท กำไรสุทธิ Q3/65 ที่ 7,657 ลบ.(+10.8%YoY, +10.0%QoQ) ภาพการดำเนินงานยังคงเติบโตได้แม้เผชิญปัจจัยลบจากการตั้งสำรอง ECL ที่ 9,889 ลบ.(+0.2%YoY, +18.4%QoQ) แต่ได้แรงหนุนจากรายได้ดอกเบี้ยที่ 26,496 ลบ.(+28.0%YoY, +12.6%QoQ) จากจำนวนเงินให้สินเชื่อที่สูงขึ้น ขณะที่ทิศทางผลประกอบการในช่วงถัดไป Q4/65 คาดยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีจากการตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้วใน Q3/65 และกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว ฝ่ายวิเคราะห์คาดปี 65 และ66 กำไรสุทธิขยายตัวมาที่ 29,441 ลบ. (+11.0%YoY) และ 32,303 ลบ.(+9.8%YoY) ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top