นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวไซด์เวย์ในทิศทางขาขึ้นได้หลังจากรายงานผลประชุมเฟดประจำวันที่ 1-2 พ.ย.ว่ากรรมการเฟดส่วนใหญ่เห็นควรชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้ ตอกย้ำคาดการณ์นักลงทุนว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม ธ.ค. นี้ แต่ราคาน้ำมันร่วงกว่า 3% กดดันกลุ่มพลังงาน ส่งผลดัชนีปรับขึ้นจำกัด พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 1,635-1,640 จุด และแนวรับ 1,615 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะแกว่งไซด์เวย์ในทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยจากรายงานการประชุมประจำวันที่ 1-2 พ.ย. ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามถือว่าเป็นการตอกย้ำว่าการประชุมเฟดในเดือน ธ.ค. จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัวลงมาที่ 0.50%
แต่อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมากว่า 3% หลังมีรายงานว่ากลุ่มประเทศ G7 เตรียมกำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียไม่ให้เกิน 70 ดอลลาร์/บาร์เรล ในขณะเดียวกันยังถูกกดดันจากสต็อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐที่พุ่งขึ้นมากกว่าคาด รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน ซึ่งจะเข้ามากดดันในหุ้นกลุ่มพลังงาน ส่งผลการปรับตัวขึ้นจำกัด
โดยวันนี้คาดว่ามูลค่าการซื้อขายจะชะลอตัวลง เนื่องจากเป็นวันหยุดของตลาดหุ้นสหรัฐในวันขอบคุณพระเจ้า และยังคงต้องติดตามการประชุมรัฐมนตรีพลังงานของสหภาพยุโรป เกี่ยวกับทิศทางการแก้ไขวิกฤตพลังงาน รวมไปถึงการรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB)
พร้อมให้แนวต้านไว้ที่ 1,635-1,640 จุด และแนวรับ 1,615 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,194.06 จุด เพิ่มขึ้น 95.96 จุด หรือ +0.28%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,027.26 จุด เพิ่มขึ้น 23.68 จุด หรือ +0.59% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,285.32 จุด เพิ่มขึ้น 110.91 จุด หรือ +0.99%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,373.72 จุด เพิ่มขึ้น 257.98 จุด หรือ +0.92%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 17,684.53 จุด เพิ่มขึ้น 160.72 จุด หรือ +0.92% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,104.10 จุด เพิ่มขึ้น 7.19 จุด หรือ +0.23%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ย.65) 1,624.40 จุด เพิ่มขึ้น 9.07 จุด, +0.56%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,460.62 ลบ.เมื่อวันที่ 23 พ.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค. (23 พ.ย.) ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ 3.7% ปิดที่ 77.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ย.) อยู่ที่ 10.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.02 แข็งค่าจากวานนี้ หลังดอลลาร์อ่อนค่ารับเฟดส่งสัญญาณชะลอขึ้นดบ.
– “กลุ่ม PRISM” คาด ราคาน้ำมันดิบปี 2566 เฉลี่ย 85-95 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล ปัจจัยเศรษฐกิจเริ่มฟื้น-ชี้อุปทานน้ำมันรัสเซียหาย เหตุยุโรปเริ่มคว่ำบาตรนำเข้า เต็มรูปแบบ “ปลัดพลังงาน”-แบงก์ชาติ- อบก.” ผนึกมุ่งนโยบายพลังงานสะอาด “บางจาก” ชี้ปัจจัยเดิมยังกดดันน้ำมันโลก
– นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า หลังจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลัง ค้ำประกันการชำระหนี้ของสกนช. พ.ศ.2565 มีผลใช้บังคับ สกนช. มีแผนกู้เงินที่จะเสนอให้ทั้งจากคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) พิจารณา ก่อนขอความเห็นชอบจากสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ซึ่งการกู้เงินในปีนี้มีวงเงินกู้ 30,000 ล้านบาท
– บิ๊กตู่” รับครั้งแรก “พิจารณาอยู่” สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ “วิษณุ” กาง กม.ยันสมัครสมาชิกพรรคการเมืองได้ แม้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร. บอกเป็นบัญชีเก่า เว้นยุบสภาต้องล้างใหม่ “อนุทิน” ปัดไม่มีดีลนั่งเก้าอี้นายกฯ คนละครึ่ง “พปชร.” ป่วนพิษ “ก๊วนธรรมนัส” รีเทิร์น หลายมุ้งส่อย้ายหนี “แม้ว” หลอน “รทสช.” รีบเย้ยได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 เก้าอี้ ลั่น “พท.” กวาดตามเป้า 280 เสียง สภาล่มอีก! หลังฝ่ายรัฐบาลแพ้โหวตขอลงมติใหม่ “ฝ่ายค้าน” ซัดถูกปล้น
– บีโอไอ-อีอีซี-กนอ.แทคทีมลุยโรดโชว์ดึงลงทุนต่างประเทศเข้าไทย ประเดิมญี่ปุ่น ที่แรก กล่อม 6 องค์กรรัฐ-เอกชน ดึงลงทุนไทยครั้งใหญ่ ดันยอดคำขอปีนี้ทะลุ 6 แสนล้าน
หุ้นเด่นวันนี้
– CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus 74.08 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 คาดเร่งตัวขึ้นทั้ง Q-Q และ Y-Y ตาม High Season และการ Reopening หนุน SSSG ฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง รวมถึงกำไรของ MAKRO ที่กลับมาเป็นขาขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังได้อานิสงส์ระยะสั้นหนุนเพิ่มจากเทศกาลฟุตบอลโลกที่ถ่ายทอดช่วงเวลากลางคืนConsensus คาดกำไรปี 2565-2566 +39% Y-Y และ +31% Y-Y ตามลำดับ จากการเปิดเมืองและเปิดประเทศเต็มรูปแบบ และมีปัจจัยบวกระยะยาวจากการขยายธุรกิจ 7-11 ในกัมพูชาและลาว ยังเป็น Top Pick ในกลุ่มค้าปลีก
– COM7 (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย Blooomberg Consensus 39.00 บาท คาดภาพการดำเนินงานเติบโตไปตามอุตสาหกกรรม IT ทั้งในส่วนของมือถือ และ สินค้า DIY( งานกราฟิก/ผู้เล่นเกมส์ worldwide สูงขึ้น) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการไตรมาส 4/65 เป็นจุดสูงสุดของปี เข้าสู่ High Season และ มีปัจจัยบวกจาก iPhone 14 ขณะที่ทาง COM7 เอง มีการขยายหน้าร้านอย่างต่อเนื่องโดยไตรมาส 3/65 ขยายสาขาเพิ่มจากไตรมาส 2/65 37 สาขา คาดว่าในช่วงไตรมาส 4/65 จะเปิดเพิ่ม 51 สาขา และ ปี 66 มีแผนเปิดเพิ่ม 166 สาขา นอกจากนี้ ในส่วนของธุรกิจ ร้านขายยา(ร่วมกับ BDMS) ก็จะเปิดสาขาแรก และอีก 3 สาขา ใน 4Q65 นี้ และปีหน้ามีแผนเปิดอีก 40 สาขา ทั้งนี้ consensus คาดว่าปี65 และ66 กำไรสุทธิ Com7 จะอยู่ที่ 3.16 พันลบ.(+20%YoY) และ 3.49 พันลบ.(+10%YoY) ตามลำดับ
– GPSC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 72 บาท ได้ Sentiment บวกจากราคาพลังงานปรับลงตามราคาน้ำมันดิบ, บอร์ด EV เตรียมออกมาตรการสนับสนุนโรงงานแบตเตอร์รี่, และมี Upside จากการปรับขึ้นค่า Ft
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย, อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล