พนักงานบริษัทเทคโนโลยีตั้งแต่อาซานา (Asana) ไปจนถึงแอมะซอนและเมตาต้องประสบกับกระแสการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ที่โรคโควิด-19 ระบาด แต่นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์มองว่า การปลดพนักงานเหล่านี้ไม่ใช่ “สัญญาณการเปลี่ยนแปลง” สำหรับตลาดแรงงานในวงกว้าง
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดขนาดใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยี และการจ้างงานแบบผิดปกติในภาคเทคโนโลยีเมื่อเทียบกับการจ้างงานในภาคส่วนอื่น ๆ ทำให้การปลดพนักงานในภาคเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อการรับรู้อย่างมาก
นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า บริษัทเทคโนโลยีปลดพนักงานไปแล้วราว 187,000 คนนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2564 แม้เป็นตัวเลขที่สูงสำหรับภาคเทคโนโลยี แต่คิดเป็นเพียงกว่า 0.1% ของการจ้างงานทั้งหมดในสหรัฐ
มอร์แกน สแตนลีย์ยังคงคาดการณ์ว่า การจ้างงานจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง โดยได้รับแรงกดดันจากการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เกิดการลดการจ้างงานในเกือบทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่า ไม่น่าจะเกิดการปลดพนักงานครั้งใหญ่ในภาคอื่น ๆ นอกเหนือไปจากภาคเทคโนโลยี เนื่องจากสหรัฐยังคงเผชิญภาวะขาดแคลนแรงงานอย่างมาก แม้ว่าผู้บริหารต้องการลดต้นทุนแรงงาน แต่ก็แทบไม่มีโอกาสให้ดำเนินการเช่นนั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 พ.ย. 65)
Tags: บริษัทเทคโนโลยี, ปลดพนักงาน, มอร์แกน สแตนลีย์