นางกาญจนา เหลารัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โพลีเน็ต (POLY) กล่าวว่า บริษัทฯ พร้อมเข้าซื้อขายเป็นวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2565 หมวดธุรกิจ ยานยนต์ (AUTO) โดยใช้ชื่อย่อ “POLY” เป็นอีกก้าวสำคัญสู่ความยั่งยืน และมั่นใจว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 785 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ ใช้สำหรับจ่ายคืนหนี้สินเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้ลงทุนในโครงการขยายโรงงานและลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจ
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 เชื่อมั่นว่าจะเป็นปีที่ดีของ POLY เติบโตจากปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 787.1 ล้านบาท เติบโต 50.4% กำไรสุทธิ 120.9 ล้านบาท เติบโต 454.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัทฯ ล่าสุด ประกาศผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 790.4 ล้านบาท เติบโต 48.6% กำไรสุทธิ 122.5 ล้านบาท เติบโต 60.1% เนื่องจากการเติบโตของรายได้จากทุกกลุ่มธุรกิจ และความสำเร็จในการขยายตลาดไปยังลูกค้าใน กลุ่มอุปกรณ์ทางการแพทย์ และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (จ่ายจากกำไรสะสมงวดเดือนมกราคม – กันยายน 2565) ในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดวันที่ได้รับเงินปันผล วันที่ 13 ธันวาคม 2565 เพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน และสะท้อนโอกาสที่บริษัทฯ กำลังขยายต่อไปในอนาคต ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษา และเจรจากับลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม การเข้าตลาดหลักทรัพย์ในครั้งนี้ จึงถือเป็นก้าวแรกของ POLY สู่การเติบโต และสามารถสร้าง New S-Curve ทางธุรกิจได้
นางสาวสุวิมล ศรีโสภาจิต ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย เปิดเผยว่า POLY จะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้กับนักลงทุนได้ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญที่คร่ำหวอดอยู่ในอุตสาหกรรมมากว่า 20 ปี เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เป็นหนึ่งในผู้ผลิตชั้นนำในผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับ ยาง พลาสติก และซิลิโคน ที่มีลูกค้ากระจายอยู่ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์ (Automotive) อุตสาหกรรมเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical) และอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumer Products) เจาะตลาด Global Brand รวมทั้ง วางแผนต่อยอดมายังอุตสาหกรรมที่เป็นโอกาส อาทิ กลุ่มพลังงาน และกลุ่มไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นตลาดที่ใหญ่มาก
อีกทั้ง POLY มีความเฉพาะด้านสูง ไม่ว่าจะเป็นสูตรการผสมวัตถุดิบ เทคนิคการขึ้นรูปชิ้นงาน รวมถึงเครื่องจักรที่สามาถรองรับความต้องการลูกค้าได้หลากหลายประเภท และขยายไปได้ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยนำนวัตกรรมตอบโจทย์เทรนด์โลกยุคใหม่ ดังนั้น จึงมองว่า POLY วันนี้ยังเป็นอีกหนึ่งบริษัทชิ้นส่วนที่ซ่อนมูลค่าการเติบโตไว้ หลังระดมทุน นำเงินไปใช้ขยายการเติบโตตามแผนงาน เชื่อว่า จะทำให้ POLY สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ขณะที่ ในช่วงจองซื้อหุ้นสามัญให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 120 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 9 – 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีนักลงทุนให้ความสนใจเข้ามาจองซื้อเต็มจำนวนตั้งแต่วันแรก สะท้อนความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และการกำหนดราคา IPO ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 6.80 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 15.0 เท่า ขณะที่ บทวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำรวม 6 บริษัทหลักทรัพย์ ที่จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย ให้มูลค่าพื้นฐานของ POLY ปี 2566 ที่ 8.00-8.50 บ./หุ้น
นอกจากนี้ จากผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2565 สะท้อนศักยภาพการเติบโต ด้านบอร์ด บริษัทฯ ประกาศอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลทันที ขอตอบแทนผู้ถือหุ้นที่เชื่อมั่น สำหรับผู้ถือหุ้นที่จองซื้อหุ้น IPO ของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา จะได้รับเงินปันผลในครั้งนี้ด้วย ตอกย้ำ POLY เป็นอีกหุ้นเติบโตที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 65)
Tags: POLY, กาญจนา เหลารัตนา, หุ้นไทย, โพลีเน็ต