บล.ดาโอ (ประเทศไทย) หรือ DAOLSEC เปิดเผยว่า ตามที่ในช่วงวันที่ 10-13 พฤศจิกายน 2565 สื่อมีการนำเสนอข่าวเรื่องมีนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อผิดปกติของหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) จากหลายโบรกเกอร์และในวันที่ 14 พ.ย. นี้ จะครบกำหนดการชำระเงินค่าหุ้น ซึ่งหากนักลงทุนไม่ชำระค่าหุ้นภาระการจ่ายทั้งหมดจะตกอยู่กับโบรกเกอร์ที่ต้องเป็นผู้จ่ายเงินแทนให้นั้น
บล.ดาโอ ชี้แจงว่า การส่งคำสั่งซื้อหุ้นตัวเดียวจากหลาย โบรกเกอร์ในมูลค่าที่สูง ที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปกติและไม่เคยเกิดขึ้นในการซื้อขายหลักทรัพย์ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้น จึงเป็นธุรกรรมที่ต้องสงสัยและทางบริษัทได้ดำเนินการตรวจสอบ และหารือหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ในวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565 ทาง บล.ดาโอ ได้ทำการชำระค่าหุ้นกับสำนักหักบัญชี (TCH) เรียบร้อย ตามขั้นตอนปกติซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่กระทบกับความมั่นคงทางการเงินของบริษัทแต่อย่างใด
โดย บล.ดาโอขอยืนยันว่าบริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และมี NCR หรืออัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิมากเพียงพอในการประกอบธุรกิจ
ทั้งนี้ บล.ดาโอ เป็นบริษัทในเครือของ กลุ่มธุรกิจการเงิน ดาโอ (ประเทศไทย) ที่ถือหุ้นโดย บริษัท DAOL Investment Securities ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งมีเงินทุนมากกว่า 20,000 ล้านบาท และปัจจุบัน บล.ดาโอ มีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital- NC) กว่า 1,000 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (Net Capital Ratio- NCR) มากกว่า 40%ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) กำหนดสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่ระดับ 25 ล้านบาท และ 7% ตามลำดับ ซึ่งสะท้อนถึงความมั่นคงทางการเงิน และความสามารถในการชำระหนี้ให้กับคู่ค้า หรือเจ้าหนี้ของบริษัทได้
สำหรับลูกค้าที่กังวลเรื่องการดูแลบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้า และบัญชีของบริษัท นั้น บล.ดาโอ มีมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจ ตามหลักเกณฑ์ของ สำนักงาน ก.ล.ต. ที่กำหนดให้มี Segregated Account คือ บัญชีที่แยกทรัพย์สินของผู้ลงทุนออกจากทรัพย์สินของบริษัท ทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบัญชีหลักทรัพย์ของลูกค้าจะไม่ได้รับผลกระทบ และลูกค้าสามารถทำธุรกรรมได้ตามปกติ
ด้านบล.พาย (Pi) ระบุว่า จากกรณีข่าวของหุ้น MORE ที่ได้ทำการซื้อขายหลักทรัพย์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งการกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพรวมของโบรกเกอร์ บล.พาย ออกแถลงการณ์ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 พฤศจิกายน 2565 โดยบล.พายยืนยันว่า บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบจากธุรกรรมการซื้อขายหุ้น MORE เนื่องด้วยบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยมาตรการบริหารจัดการด้านความเสี่ยง ตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยได้กำหนดให้การซื้อขายหลักทรัพย์ MORE ลงทุนซื้อขายผ่านบัญชีประเภท Cash Balance บริษัทฯ จึงไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ตามที่ได้กล่าวมาในข้างต้น
ขณะที่ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) หรือ UOBKHST แจ้งว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวจากการตรวจสอบ ธุรกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวภายในบริษัทนั้น ถือว่ามีปริมาณที่ต่ำมากจนไม่มีนัยสำคัญใดๆ ต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการติดตามเฝ้าระวังและกำชับผู้แนะนำการลงทุนของบริษัทฯให้ระมัดระวังการซื้อขายหลักทรัพย์ตามที่ปรากฏในข่าว ขอให้นักลงทุนมั่นใจว่าทางบริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
บล.กรุงศรี (KSS) ชี้แจงว่า บริษัทมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมี NCR (Net Capital Rule – เงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ) สูงกว่าที่ทางการกำหนดมาก สำหรับการชำระราคาซื้อขายและการทำธุรกรรมอื่นๆ ยังคงดำเนินการตามปกติ
บล.โนมูระ พัฒนสิน (CNS) ระบุว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากกรณีการซื้อขายตามที่มีกระแสข่าวในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจากการตรวจสอบข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าของบริษัท บริษัทไม่พบการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวที่มีนัยสำคัญ และบริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ย. 65)
Tags: CNS, DAOL, MORE, Pi, UOBKH, บล.กรุงศรี, บล.ดาโอ, บล.โนมูระ พัฒนสิน, มอร์ รีเทิร์น