ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) และปิดที่ระดับสูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดได้สนับสนุนความหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอลง
- ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดที่ 431.89 จุด พุ่งขึ้น 11.55 จุด หรือ +2.75%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,556.83 จุด พุ่งขึ้น 126.26 จุด หรือ +1.96%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,146.09 จุด พุ่งขึ้น 479.77 จุด หรือ +3.51% และ
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,375.34 จุด เพิ่มขึ้น 79.09 จุด หรือ +1.08%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ โดยหุ้นทุกกลุ่มยกเว้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะหุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พุ่งขึ้น 7.6% และ 6.4% ตามลำดับ และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบกว่า 2 ปี
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในเดือนต.ค. โดยการปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบเป็นรายปีต่ำกว่าระดับ 8% เป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า เงินเฟ้อกำลังเริ่มที่จะชะลอตัวลง ซึ่งจะทำให้เฟดสามารถชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย
ดัชนีความผันผวนของยูโร (Euro STOXX volatility) ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 12 สัปดาห์ที่ 21.31 จุด ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนมีความวิตกลดลง
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนในยุโรปเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรป
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่งขึ้น 2.9% เนื่องจากปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี หลังเปิดเผยผลกำไรและรายได้รายไตรมาสสูงเกินคาด
หุ้นอลิอันซ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันของเยอรมนี พุ่ง 5.9% หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 พุ่งเกินคาด 17%
หุ้นดิลิเวอรี ฮีโร่ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 18.6% หลังยืนยันกับนักลงทุนว่า บริษัทจะบรรลุเป้าหมายกำไรขั้นต้นในปี 2566
แต่หุ้นกลุ่มพลังงานลดลง 0.4% หลังราคาน้ำมันลดลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว เนื่องจากการควบคุมโรคโควิด-19 ในจีนทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันเชื้อเพลิงจากจีนซึ่งเป็นประเทศที่นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 65)
Tags: ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นยุโรป