นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวพักฐานหลังการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ยังไม่เห็นความชัดเจนต่อตลาด และได้รับ Sentiment เชิงลบจากความผันผวนของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี รวมถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลงติดต่อกัน 2 วัน และงบบจ.ไทยออกมาแย่กว่าคาด พร้อมให้แนวรับที่ 1,620 จุด และ 1,610 จุด แนวต้าน 1,635 จุด
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้น่าจะแกว่งตัวพักฐาน เนื่องจากผลการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ยังไม่ได้แสดงความชัดเจนต่อตลาด หลังผลการนับคะแนนล่าสุดในการเลือกตั้งวุฒิสภารัฐจอร์เจียไม่มีผู้สมัครายใดได้คะแนนกว่า 50% อาจจะต้องมีการเลือกตั้งใหม่เพื่อที่จะชี้ขาด ด้านการเลือกตั้งของสภาล่างพรรครีพับลิกัน มีเสียงเกินครึ่งมาเล็กน้อย ซึ่งต่ำกว่าที่คาดว่าจะมีจะชนะแบบขาดลอย
นอกจากนี้ยังได้รับ Sentiment เชิงลบของความผันผวนในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) รวมไปถึงราคาน้ำมันที่ร่วงลง 2 วันติดต่อกัน หลังจากสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นสวนทางกับตลาดคาด และ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศจีนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น
อีกทั้ง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ทยอยออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะในบริษัทขนาดใหญ่ ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะเข้ามาลงทุนเพื่อเก็งกำไรด้วย
พร้อมให้แนวรับที่ 1,620 จุด และ 1,610 จุด แนวต้าน 1,635 จุด
*ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (9 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,513.94 จุด ร่วงลง 646.89 จุด หรือ -1.95%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,748.57 จุด ลดลง 79.54 จุด หรือ -2.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,353.18 จุด ดิ่งลง 263.03 จุด หรือ -2.48%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,459.08 จุด ลดลง 257.35 จุด หรือ -0.93%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 16,138.22 จุด ลดลง 220.3 จุด หรือ -1.35% ก่อนร่วงลง 2.25% ในเวลาต่อมา และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,031.69 จุด ลดลง 16.48 จุด หรือ -0.54%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 พ.ย.65.) ที่ระดับ 1,622.45 จุด ลดลง 10.16 จุด, -0.62%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,866.72 ล้านบาท เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.(9 พ.ย.)ร่วงลง 3.08 ดอลลาร์ หรือ 3.5% ปิดที่ 85.83 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (9 พ.ย.) อยู่ที่ 8.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.86 อ่อนค่าจากวานนี้ ให้กรอบ 36.70-37.05 จับตาเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้
– “กองทุนน้ำมัน” เดินหน้ากู้เงินงวด 2 วงเงิน 5 พันล้าน หลังเซ็นกู้ก้อนแรกแล้ว คาดงวดใหม่ “ออมสิน” มีลุ้นหลังงวดแรกพ่าย “กรุงไทย” จับตา “คลัง” พิจารณาต่ออายุลดภาษีดีเซล 5 บาท “สุพัฒนพงษ์” ไม่ฟันธงจะต่อหรือไม่ ห่วงราคาน้ำมันโลกประเมินยาก จากหลายปัจจัยกระทบทั้งค่าเงินบาท ดอกเบี้ย ระบุมาตรการของขวัญปีใหม่เข้า ครม. 29 พ.ย.หลังเอเปค
– เงินบาทพลิกแข็งค่าแตะ 36.83 ต่อดอลลาร์ หลังดอลลาร์อ่อนค่า เงินทุนไหลเข้าตลาดบอนด์ เผย 4 วัน ซื้อสุทธิ กว่า 7.87 หมื่นล้านบาท นักวิเคราะห์ประเมิน “ขาขึ้น” เงินดอลลาร์ใกล้สิ้นสุด หากพรรค รีพับลิกันชนะเลือกตั้ง และ เฟด ขึ้นดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งหน้าตามคาด ประเมินเงินบาทปีหน้าอาจแข็งค่าแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์
– “เฟทโก้” ชี้ “ตลาดหุ้นไทย” เป็นหลุมหลบภัย สะท้อนจากฟันด์โฟลว์ไหลเข้าต่อเนื่อง แต่กลางปีหน้าหวั่นเกิดวิกฤติตลาดเกิดใหม่-ศก.โลกถดถอย ฉุดเงินไหลออก แจงประเทศไทยมีเวลา 6 เดือนเตรียมรับมือ เพื่อลดผลกระทบ
– ส.อ.ท. แนะรัฐออกมาตรการกระตุ้น ศก.ใหม่ๆ เพื่อเป็นของขวัญกระตุ้นใช้จ่ายโค้งสุดท้ายปีนี้หนุนรีวิว คนละครึ่งเฟส 6 กลับใช้วงเงินเดิมที่ 3,000 บาท เพิ่มจำนวนสิทธิ์เที่ยวด้วยกัน 2 ล้านสิทธิ์ ลดหย่อนภาษีช้อปดีมีคืน 3 หมื่นบาท ฯลฯ พร้อมทบทวนสำรองไฟหวังกดค่าไฟลดลง
– นายกสมาคมโรงแรมไทย เปิดเผยว่า สมาคมโรงแรมไทยร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการที่พักแรมประจำเดือนต.ค. 2565 อัตราการเข้าพักเฉลี่ยอยู่ที่ 49% เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ตามผลของวันหยุดยาวและปิดเทอม รวมถึงการใช้สิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันในเดือนสุดท้าย และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยเข้ามา ขณะที่คาดคาดการณ์อัตราการเข้าพักในเดือนพ.ย. 2565 โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 52%
*หุ้นเด่นวันนี้
– ICHI (ฟินันเซีย ไซรัส) “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 12 บาท กำไรไตรมาส 3/65 +26% Q-Q, +50% Y-Y ดีกว่าคาด 10% สูงสุดในรอบ 26 ไตรมาสจากรายได้ที่โตแกร่งจากการอกสินค้าใหม่ รวมถึง Gross Margin ที่ทำได้ดีกว่าคาด แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/65 คาดยังแข็งแกร่งต่อเนื่องและมีการออกสินค้าใหม่โดยเฉพาะ Soju ที่กระแสตอบรับดี ส่วนปี 2566 มี Catalyst จากการหาลูกค้า OEM เพิ่มเพื่อหนุนกำลังการผลิตที่เหลืออยู่ เราเห็น Upside ต่อประมาณการกำไรปี 2022 ปัจจุบันที่คาด +3% Y-Y ส่วนปี 2023 คาด +13% Y-Y
– SHR (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า BB Consensus 5.10 บาท ประกาศงบไตรมาส 3/65 กำไรปกติพลิกเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดฯแนวโน้มไตรมาส 4/65 ยังโตต่อโรงแรมในไทยและมัลดีฟหนุนรับ High season
– III (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 16.20 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 146 ล้านบาท เติบโต +28%QoQ, +51%YoY รายได้รวมเติบโต +3%QoQ, +23%YoY ส่วนใหญ่จาก 1) ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศจากการเปิดประเทศภายหลังสถานการณ์ COVID-19 ผ่อนคลาย ส่งผลให้ปริมาณเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 2) ธุรกิจโลจิสติกส์สำหรับเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตรายที่มีผลการการดำเนินงานดีต่อเนื่อง โดย GPM ปรับตัวดีขึ้นเป็น 24% จากไตรมาส 2/65 ที่ 20% และ 3Q64 ที่ 19.7% กำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากธุรกิจตัวแทนขายระวางสายการบินโดย ANI ผ่านการถือ Asia GSA (M) และ AOTGA ที่ Turnaround เป็นกำไรตามการใช้บริการสนามบิน แนวโน้มไตรมาส 4/65 คาดกำไรดีต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของการขนส่งทางอากาศ ส่วนในปี 66 มีปัจจัยหนุนจากการที่ ANI เข้าซื้อ Asia GSA (M) เป็น 100% ตามกลยุทธ์ Leading Reginal Logistics Player ก่อนที่จะ Spinoff ANI เข้าตลาดใน 3ไตรมาส 3/66 นอกจากนี้ยังมี Potential Growth จากการบริหาร Ground Services ทั้งสนามบินดอนเมืองและภูเก็ตที่จะมีแรงส่งจากการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว และคาดหวังการผ่อนคลาย Zero-COVID ของจีนในปี 66
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 พ.ย. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย