ราคาน้ำมัน WTI ดิ่งกว่า 2% หลุด $89 ผวาเฟดขึ้นดอกเบี้ยทุบเศรษฐกิจฉุดดีมานด์ร่วง

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% หลุดระดับ 89 ดอลลาร์ในวันนี้ ท่ามกลางความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางทั่วโลก จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญภาวะถดถอย และส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งจะลดความน่าดึงดูดของสัญญา โดยทำให้สัญญาน้ำมันมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

ณ เวลา 17.58 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลบ 2.19 ดอลลาร์ หรือ 2.40% สู่ระดับ 88.94 ดอลลาร์/บาร์เรล

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะถดถอยในกลางปีหน้า โดยได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ, การดีดตัวของอัตราดอกเบี้ย และการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ, การแพร่ระบาดของโควิด-19, สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน และผลกระทบจากภาวะโลกร้อนต่อเศรษฐกิจในทุกทวีป

ก่อนหน้านี้ ในการเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในเดือนก.ค. IMF ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 สู่ระดับ 3.2% และ 2.9% ตามลำดับ

นางคริสตาลินา จอร์เจียวา ผู้อำนวยการ IMF และนายเดวิด มัลพาส ประธานธนาคารโลก กล่าวเตือนว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอยในปีหน้า ขณะที่เงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครนในเดือนก.พ.

นางจอร์เจียวากล่าวว่า IMF จะเน้นย้ำในการประชุมสัปดาห์นี้ให้ธนาคารกลางของชาติต่างๆยังคงใช้ความพยายามสกัดเงินเฟ้อต่อไป แม้ว่าการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

“ถ้าพวกเขาดำเนินการอย่างไม่เพียงพอ เราก็จะเผชิญปัญหาจากเงินเฟ้อที่ควบคุมไม่ได้ ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางยิ่งต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น และจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ”

นางจอร์เจียวากล่าว

นอกจากนี้ นักลงทุนกังวลว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์น้ำมันในตลาด

ทั้งนี้ ภาคบริการของจีนหดตัวลงในเดือนก.ย.เป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างเข้มงวด ซึ่งได้กระทบต่ออุปสงค์และความเชื่อมั่นทางธุรกิจ

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐของสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยในวันพฤหัสบดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top