นายพรชลิต พลอยกระจ่าง รองกรรมการผู้จัดการ Head of Real Estate Infrastructure Investment บลจ. บัวหลวง(BBLAM) ในฐานะผู้จัดการกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน (JASIF) กล่าวว่า จากที่ บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ได้ขายหน่วยลงทุนในกองทุนรวม JASIF และขายหุ้นสามัญของบมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) ให้กับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด (AWN) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ซึ่ง AWN จะกลายเป็นผู้สนับสนุน (Sponser) ใหม่แทน JAS โดยจะขออนุมัติจากผู้ถือหน่วยในการประชุมผู้ถือหน่วย JASIF ซึ่งได้จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุนครั้งที่ 1/2565 ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ โดยหากที่ประชุมฯโหวตผ่านให้ AWN เป็นผู้สนับสนุนใหม่ก็จะพิจารณาต่อในวาระ 1.1-1.3
ทั้งนี้ ในวาระ 1.1 AWN ขอแก้ไขข้อห้ามในการแข่งขันกับกองทุนรวมหรือเรื่องอื่นภายใต้สัญญาข้อตกลงดำเนินการ เนื่องจากว่า AWN ได้เข้าทำธุรุกิจบรอดแบนด์หรือเน็ตบ้านเช่นเดียวกับ TTTBB ตั้งแต่ปี 2558 ถ้าไม่ได้ยกเลิกข้อห้ามในการแข่งขัน AWN ก็จะดำเนินธุรกิจไม่ได้ และขยายธุรกิจไม่ได้ ซึ่งสัญญาเช่าใช้เส้นใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable : OFC) ทาง TTTBB ยังสามารถเจรจาต่อรองในการต่อสัญญาได้อีก 3 ปี จากที่จะสิ้นสุดสัญญาเช่าในปี 2572 แต่หากไม่ต่อสัญญา ทาง AWN ก็สามารถสร้างเส้นใยแก้วนำแสงได้เอง คาดว่าจะใช้เวลา 2 ปี ซึ่งในฐานะผู้จัดการกองทุนเห็นว่าข้อนี้จะมีผลกระทบต่อกองทุนบ้างแต่ไม่มาก
อย่างไรก็ตาม นายพรชลิต กล่าวว่า การสร้างเส้นใยแก้วนำแสงหรือไฟเบอร์ขึ้นมาใหม่ค่อนข้างลำบากเพราะปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายปรับทัศนียภาพไม่ให้มีการพาดสายเหมือนในอดีต และจุดเด่นของสินทรัพย์ JASIF ก็กระจายไปยังชุมชนในพื้นที่ห่างไกลอยู่แล้ว หาก AWN เข้าไปดำเนินการเองก็จะมีต้นทุนสูงมาก ดังนั้นจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ที่ AWN จะเข้ามาเช่าต่อเนื่อง เพราะต้องการไฟเบอร์ที่สามารถเข้าไปแหล่งชุมชนที่จะสนับสนุนการเป็นผู้นำ 5G ด้วย
นอกจากนี้ หาก AWN สามารถเข้าซื้อกิจการ TTTBB ก็จะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดอินเตอร์เน็ตบรอดแบนด์ของกลุ่ม AIS เพิ่มขึ้นมาเป็น 39% จากที่มีส่วนแบ่งเพียง 19% และ TTTBB มีส่วนแบ่ง 20% ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งกับบริการของ TRUE ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดได้ รวมทั้ง AIS หรือ AWN สามารถผสาน (Bundle) การให้บริการมือถือและบรอดแบนด์เข้าด้วยกันได้
“การเปลี่ยนสปอนเซอร์เป็น AWN ที่มีความมั่นคงทางการเงิน เพราะดูจากภาวะอุตสาหกรรมบรอดแบนด์ TTTBB มี ARPU (รายได้ต่อหน่วย) ลดลง ล่าสุดไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ก็มี Net Add ปรับตัวลดลง TTTBB อาจประสบปัญหาชำระค่าเช่าก็ได้ การที่ TTTBB มีธุรกิจอย่างเดียวโตยาก ทุกวันนี้ ARPU มีอยู่ 600 บาท แต่ของคู่แข่งอยู่ที่ 400 กว่าบาท รายได้อนาคตก็น่าจะลดลง”
ส่วนวาระ 1.2 การแก้ไขรายละเอียดการเช่าและค่าเช่าเส้นใยแก้วนำแสง (OFCs) และยกเลิกสัญญาประกันรายได้ค่าเช่า และสัญญาให้บริการจัดหาผู้เช่าทรัพย์สิน และการเพิ่มค่าเช่าล่วงหน้าที่ TTTBB ตกลงชำระให้กองทุนรวม
และวาระ 1.3 พิจารณาอนุมัติผ่อนผัน และ/หรือแก้ไข รายละเอียดบางประการที่เกี่ยวข้องกับสัญญาข้อตกลงดำเนินการ และยกเลิกสัญญาบัญชีธนาคารและแก้ไขโครงการจัดการกองทุนรวมตามที่จำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับมติของที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุน
นายพรชลิต กล่าวว่า รายได้จากสัญญาประกันรายได้ คิดเป็น 30% ของรายได้ โดยสัญญาหลักมีรายได้จำนวน 7 พันล้านบาทต่อปี และสัญญารับประกันรายได้ เป็นเงิน 3 พันล้านบาทต่อปี แต่ AWN ชดเชยให้ด้วยการต่อสัญญาเช่าออกไปอีก 6 ปี หรือสิ้นสุดปี 2580 จากเดิมสิ้นสุดปี 2575
จากการขยายเวลาเช่า ผู้ถือหน่วยกองทุนรวม JASIF จะได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม จากเดิมจะได้เงินปันผลต่อหน่วย (Dividend per Unit: DPU) เพิ่มขึ้นเป็น 9.15 บาท/หน่วย จากเดิม 7.54 บาท/หน่วย และ Net Present Value เพิ่มเป็น 5.76 บาท/หน่วย จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 บาท/หน่วย
นอกจากนี้ AWN เสนอจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 ปีๆ ละ 1,000 ล้านบาท รวม 3,000 ล้านบาท ซึ่งกองทุนจะนำไปเป็นเงินลดทุน ไม่ใช่รายได้ ก็จะทำให้ผู้ถือหน่วยฯ ได้รับเงินกลับไปอีก 0.13 บาท/หน่วย
อีกทั้งเงินกู้จากธนาคารกรุงเทพ (BBL) จำนวน 1.4 หมื่นล้านบาท หากได้ AWN เป็นสปอนเซอร์รายใหม่ BBL จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลืออัตราดอกเบี้ย MLR-0.50% จากปัจจุบัน คิดอัตรา MLR และขยายเวลาชำระหนี้ออกไปอีก 2 ปี หรือสิ้นสุดปี 2575 ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสภาพคล่องมากขึ้นและจะส่งผลให้จ่าย DPU เพิ่มขึ้น
นายพรชลิต ยังกล่าวว่า กองทุน JASIF มีแนวโน้มจะได้เพิ่มสินทรัพย์เข้ามาในกองทุน จากการพูดคุยกับผู้บริหาร AWN มีความเป็นไปได้ที่จะนำสินทรัพย์ของ AIS / AWN อาทิ ดาต้าเซ็นเตอร์ เส้นใยแก้วนำแสง Tower เป็นต้น ซึ่ง AIS มีทรัพย์สินจำนวนมาก และยังมีความต้องการระดมทุนเพื่อใช้ในการประมูลคลื่น 5G , คลื่น 3500MHz อย่างไรก็ดีไม่ได้รับปากว่าจะนำสินทรัพย์เข้ากองทุนเมื่อไร
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการ TTTBB อ่อนแอลง โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Net Add ลดลงต่อเนื่อง การเติบโตเพียง 2-3% ต่อปี ทำให้รายได้ TTTBB มีแนวโน้มลดลงจากปีล่าสุดมีจำนวน 1.8 หมื่นล้านบาท
“การเปลี่ยนสปอนเซอร์เป็น AWN เข้ามา การเงินดีกว่า เราคิดว่าการต่อรองดีกว่า ถ้าดูลึกๆ เงื่อนไขดีกว่าปัจจุบัน ในแง่ DPU ดีในระยะยาวแต่ระยะสั้นไม่ดี เราพยายามนำเสนอ Fact อยู่ที่ผู้ถือหน่วยโหวตไปทางไหน เท่าที่ฟังดูผู้ถือหน่วยเขาอยากได้ Yield เพิ่ม แต่ตอนนี้ดอกเบี้ยขาขึ้น กอง Infra กอง Reit ราคาลดลง ตลาดหุ้นก็ไม่ได้ดี ราคา JASIF คงไม่เห็น 10 บาท แต่โอกาสข้างหน้าก็ดูดีกว่า มีสปอนเซอร์ใหม่ที่มีธุรกิจหลากหลาย การโอนสินทรัพย์ขายเข้ากองทุนก็จะทำให้กองทุนโตขึ้น แต่ถ้าเป็น TTTBB มีความเสียง”
นอกจากนี้ ราคาที่ AWN เข้าซื้อ JASIF อยู่ที่ 8.50 บาท ทำให้ราคา JASIF ไม่ได้ปรับขึ้นเหมือนก่อนด้วย แต่หากดีลสำเร็จ ผู้ถือหน่วยก็มีโอกาสรับเงินปันผลเพิ่ม และหากภาวะดอกเบี้ยนิ่ง กองทุนโครงสร้างพื้นฐานก็จะปรับขึ้น
ทั้งนี้ เท่าที่อธิบายให้นักลงทุนสถาบันก็เข้าใจขณะที่นักลงทุนรายย่อย ก็ต้องการผลตอบแทนเพิ่ม ปัจจุบัน สัดส่วนนักลงทุนสถาบันและ JAS ถือกองทุน JASIF ราว 40% ส่วนนักลงทุนรายย่อย 60% โดยจะต้องโหวตผ่านด้วยคะแนน 3 ใน 4 ของผู้เข้าร่วมประชุม
อย่างไรก็ตาม หากการลงคะแนนเสียงไม่ผ่าน บลจ.บัวหลวงก็ต้องนำผลโหวตที่ได้หารือกับ AWN ว่า AWN จะดำเนินการอย่างไรต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ต.ค. 65)
Tags: bblam, กองทุนรวม, บัวหลวง, พรชลิต พลอยกระจ่าง