เรดดี้แพลนเน็ต ยื่นไฟลิ่งเสนอขาย IPO 35 ล้านหุ้นเข้า mai ใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์-ขยายทีมขาย

บมจ. เรดดี้แพลนเน็ต (READY) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 35 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้(พาร์)หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 35% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ แบ่งเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวน 15 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 15.00 และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Darlex Limited (DARLEX) จำนวน 20 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 20.00 และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจเทคโนโลยี (Technology)โดยมี บริษัท เซจ แคปปิตอล จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ 1.)ใช้สำหรับพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Readyplanet All-in-One Platform) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและคุณสมบัติในการทำงาน (Functions & Features) ให้สามารถรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและลูกค้าใหม่ จำนวน 50 ล้านบาทในปี 2566 – 2568 2.)ใช้สำหรับขยายทีมขายและทีมการตลาด ในการหาลูกค้าใหม่ (New Customer Acquisition) เพื่อขยายฐานลูกค้า และ นำเสนอบริการเพิ่มจากฐานลูกค้าปัจจุบัน (Up-selling & Cross-selling) จำนวน 20 ล้านบาทภายในปี 2566 – 2567 และ 3.)ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ

บมจ. เรดดี้แพลนเน็ต (READY) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการขายและการตลาดดิจิทัลแบบรวมเป็นหนึ่งเดียว (All-in-One Sales and Marketing Platform) ที่ครอบคลุมด้านเว็บไซต์ (Website), โฆษณาออนไลน์ (Online Advertising), ระบบบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) และ ระบบจองโรงแรมโดยตรง (Hotel Direct Booking) โดยให้บริการผ่านแพลตฟอร์มที่บริษัทเป็นผู้พัฒนาขึ้นเองพร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษา

บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ

โครงสร้างผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2565 และภายหลังการเสนอขายหุ้นต่อประชาชน ได้แก่ 1) Darlex Limited ถือหุ้น 33.73%หลังขาย IPO สัดส่วนจะลดลงเหลือ 8.67% 2) กลุ่มครอบครัว คันธมานนท์ ถือหุ้น 43.13% หลังขาย IPO สัดส่วนจะลดลงมาเป็น 36.66% 3) นายบุรินทร์ เกล็ดมณี ถือหุ้น 9.40% เหลือ 7.99% 4) ผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ถือ 9.53% จะลดลงเหลือ 8.10% 5) ผู้ถือหุ้นเดิมรายอื่น ถือ 4.21% จะลดลงเหลือ 3.57%

สำหรับรายได้รวม ในปี 62-64 เท่ากับ 259.84 ล้านบาท 147.47 ล้านบาท และ 151.32 ล้านบาทตามลำดับ และ 6 เดือนแรกปี 65 เท่ากับ77.53 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ ปี 62 เท่ากับ 33.82 ล้านบาท ปี 63 ขาดทุนสุทธิ (98.70) ล้านบาท ปี 64 กำไรสุทธิ 13.82 ล้านบาทและในงวด 6 เดือนแรกปี 65 เท่ากับ 8.04 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top