นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เผยที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ร่วมกันพิจารณาและเห็นชอบร่างระบบการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) จากผู้เดินทางที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร ภายใต้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558
“ประเทศไทยได้รับความเชื่อมั่นจากนานาประเทศในความสำเร็จของการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทูตานุทูตหลายประเทศเข้ามาหารือเรื่องมาตรการผ่อนปรนการเดินทางระหว่างประเทศและขับเคลื่อนด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเสนอจะใช้วิธีการจับคู่เจรจาและทำข้อตกลงระหว่างประเทศคู่เจรจา (Travel Bubble) ทั้งนี้จะเริ่มจับคู่กับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำก่อน และจะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เพื่อปรับกลุ่มประเทศและมาตรการได้ตลอด”
นายอนุทิน กล่าว
สำหรับกลุ่มคนที่เดินทางเข้ามาจากต่างประเทศ จำแนกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเป็นบุคคลที่นายกรัฐมนตรีอนุญาต เช่น คณะทูต คณะกงสุล องค์กรระหว่างประเทศหรือผู้แทนรัฐบาล ผู้ขนส่งสินค้าตามความจำเป็น กลุ่มที่สอง คนไทยกลับบ้านที่ต้องเข้าสู่ระบบกักกันซึ่งดำเนินการอยู่แล้ว กลุ่มที่สาม คนต่างชาติ จะพิจารณาจากวัตถุประสงค์การเข้ามา ความจำเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม ระยะเวลาในการอยู่ในประเทศ โดยมีการเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุขรองรับ
ขณะที่กลุ่มชาวต่างชาติจะแบ่งการผ่อนปรนออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่
- ระยะที่ 1 กลุ่มที่เข้ามาระยะสั้น อาทิ อาคันตุกะของรัฐบาล กลุ่มนักธุรกิจ/นักลงทุนที่ได้รับอนุญาตจากรัฐ กลุ่มที่เข้ามาอยู่ระยะยาว อาทิ กลุ่มแรงงานฝีมือ/ผู้เชี่ยวชาญ คนต่างชาติที่เป็นครอบครัวคนไทย ผู้มีเหตุจำเป็น เช่น ครู/นักเรียนจากต่างประเทศตามความจำเป็นด้านเศรษฐกิจและสังคม
- ระยะที่ 2 กลุ่มที่มีผลต่อเศรษฐกิจและเข้ามาอยู่ในสถานที่เฉพาะคือโรงพยาบาล คือผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการด้านสุขภาพ และ
- ระยะที่ 3 กลุ่มที่มีการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ มีผลต่อเศรษฐกิจและการผลิต คือ กลุ่มนักท่องเที่ยว และแรงงาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการเมื่อพร้อมและสังคมมีความเชื่อมั่น โดยจะได้นำเสนอต่อศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 ต่อไป
ทั้งนี้ ได้มีการกำหนดมาตรการในการดำเนินการตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเดินทางเข้าประเทศ อาทิ การลงทะเบียนและมีใบรับรองจากสถานทูตไทย การทำประกันภัยที่ครอบคลุมการตรวจ/รักษาโควิด-19 ใบรับรองการบินระหว่างอยู่ในประเทศ อาทิ การคัดกรอง การตรวจหาเชื้อ การแยกกัก กักกัน และคุมไว้สังเกตตามระยะเวลาที่อยู่ในประเทศไทย โดยทีมติดตามด้านการแพทย์และสาธารณสุข และก่อนเดินทางกลับ อาทิ การรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ การตรวจหาเชื้อก่อนกลับ ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจในการดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชน และเพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบแผนการเฝ้าระวังประชากรกลุ่มเสี่ยงที่จะดำเนินการต่อเนื่อง ได้แก่ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ผู้ต้องขังแรกรับ ผู้ต้องกักแรกรับ และอาชีพเสี่ยง เช่น พนักงานในโรงงานผลิตอาหาร พ่อค้าแม่ค้า บุคลากรที่ทำงานกับผู้สูงอายุ พนักงานนวด พนักงานสถานบันเทิง โดยระหว่างวันที่ 18 พฤษภาคม – 22 มิถุนายน 2563 ได้ดำเนินการตรวจเฝ้าระวังในกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ 89,620 ราย ตรวจพบเชื้อ 1 รายเป็นผู้ป่วยเก่า รอผลตรวจ 8,257 ราย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 มิ.ย. 63)
Tags: COVID-19, Travel Bubble, อนุทิน ชาญวีรกูล, โควิด-19