Decrypto: ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ในยุคไร้พรมแดน

ในยุคที่การพัฒนาเทคโนโลยีเป็นไปอย่างก้าวกระโดดนั้น ผู้กระทำความผิดสามารถกระทำความผิดได้จากทั่วทุกมุมโลก หรือแม้กระทั่งเดินทางไปประเทศอื่น ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการดำเนินคดีได้ง่ายกว่าสมัยก่อน เช่น ผู้กระทำความผิดฉ้อโกงขนาดใหญ่สามารถหลบหนีไปยังต่างประเทศก่อนที่รัฐต้นทางจะดำเนินคดีหรือจับกุมตัวได้ทัน หรือผู้กระทำความผิดอยู่ในประเทศหนึ่งแต่ความเสียหายหรือผู้เสียหายจำนวนมากอยู่ในอีกประเทศหนึ่งทำให้รัฐที่มีผู้เสียหายจำนวนมากแม้ต้องการจะนำตัวผู้กระทำความผิดมารับผิดหรือดำเนินคดีก็ต้องผ่านขั้นตอนหรือกระบวนการทางกฎหมายมากมาย ซึ่งประเทศที่ผู้กระทำความผิดได้หลบหนีไปหรือประเทศต้นทางที่ผู้กระทำความผิดนั้นอาศัยอยู่จำต้องส่งตัว หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า “การส่งผู้ร้ายข้ามแดน (Extradition)” ไปยังประเทศที่ต้องการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด

การส่งผู้ร้ายข้ามแดน หรือ Extradition คือ การส่งมอบตัวผู้ต้องหาหรือผู้ซึ่งต้องคำพิพากษาให้ลงโทษแล้วไปยังรัฐซึ่งผู้นั้นต้องหาว่ากระทำความผิดอาญาหรือถูกพิพากษาให้ลงโทษทางอาญาแล้ว ในดินแดนของรัฐที่ร้องขอให้ส่งตัวโดยรัฐซึ่งบุคคลนั้นปรากฏตัวอยู่เพื่อส่งตัวบุคคลดังกล่าวมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป กล่าวคือการส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเครื่องมือทางการศาลหรือความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อใช้อำนาจรัฐเข้าไปร้องขออีกรัฐหนึ่งดำเนินการจับกุมตัวบุคคลที่อยู่หรือหลบหนีเข้ามาอยู่ในดินแดนของอีกรัฐหนึ่ง ซึ่งหลักเกณฑ์ทั่วไปในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนนั้นโดยปกติแต่ละรัฐอาจมีการทำเป็น สนธิสัญญาหรืออนุสัญญาเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน หรือใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติต่อกัน

กล่าวคือ หากรัฐหนึ่งยอมส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้แก่อีกรัฐหนึ่ง รัฐที่ได้รับการร้องขอย่อมมีพันธกรณีที่จะต้องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับเช่นกัน ทั้งนี้ไม่มีผลเป็นการบังคับว่าต้องดำเนินการตามคำร้องขอ ดังนั้นเมื่อมีการร้องขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน รัฐนั้น ๆ จะพิจารณาเป็นลำดับแรกว่ารัฐทั้งสองมีการทำสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนไว้ระหว่างกันหรือไม่ ซึ่งหากมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ต้องถือเอาหลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ

ความท้าทายเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนระดับโลกและเกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลล่าสุด คือ กรณีของ Do Kwon ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (ไม่มากก็น้อย) กับการล่มสลายของ Luna และก่อวิกฤตสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลกครั้งล่าสุดนี้ โดย Do Kwon ได้ถูกออกหมายจับในประเทศเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้เสียหายและความเสียหายจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม Do Kwon แม้จะเป็นคนสัญชาติเกาหลีใต้แต่ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ แต่อยู่อาศัยในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งการที่จะนำตัว Do Kwon ไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ประเทศเกาหลีใต้ได้นั้น ประเทศสิงคโปร์จะต้องเป็นผู้ส่งตัวเท่านั้น ประเทศสิงคโปร์นั้นมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับ ฮ่องกง ประเทศเยอรมนี ประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศในเครือจักรภพอังกฤษ โดยไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศเกาหลีใต้

ดังนั้นหากทั้งสองประเทศไม่ใช้หลักถ้อยทีถ้อยปฏิบัติ ซึ่งเป็นไปได้ยากเนื่องจากทั้งสองประเทศอาจจะต้องมีพันธะกันเป็นเวลานาน จึงมีเพียงกรณีเดียวเท่านั้นที่จะสามารถนำ Do Kwon เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศเกาหลีใต้นั้นก็คือ Do Kwon ยอมมอบตัวด้วยตัวเองต่อเจ้าหน้าที่รัฐของประเทศเกาหลีใต้

ทุกวันนี้รัฐบาลทั่วโลกต่างกำลังเผชิญกับการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะเอาผิดกับผู้กระทำความผิดโดยอาศัยเทคโนโลยีผนวกกับการใช้ช่องว่างทางกฎหมายที่ไม่ใช่แค่ช่องว่างทางกฎหมายของรัฐใดรัฐหนึ่งหรือประของประเทศใดประเทศหนึ่งแต่เป็นช่องว่างทางกฎหมายของรัฐทั่วโลก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีหรือเอาผิด และการแก้ไขหรือป้องกันเหตุดังกล่าวก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากต้องอาศัยความร่วมมือในระดับโลก จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะต้องเห็นผู้กระทำความผิดหลบหนีไปยังต่างประเทศหรือไปอาศัยอยู่ในประเทศที่ไม่สามารถนำตัวมาดำเนินคดีในประเทศที่บุคคลนั้น ๆ ก่อความเสียหายไว้ต่อไปอีกนาน

นายปรุงศักดิ์ เชาวน์ชาติ

ทนายความหุ้นส่วนบริหาร กลุ่มสำนักงานกฎหมายอเบอร์

อนุญาโตตุลาการผู้เชี่ยวชาญด้านสินทรัพย์ดิจิทัล ประจำสถาบันอนุญาโตตุลาการ (THAC)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top