นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะสามารถเติบโตได้มากกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งมอบยางพาราให้กับลูกค้ามากขึ้น และ มีการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจนเต็มกำลังการผลิต จากช่วงครึ่งปีแรกมีการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 85% ขณะที่ราคาขายยางพาราล่วงหน้าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง
นอกจากนี้ผลกระทบจากสถานการณ์ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และ ค่าขนส่งที่อยู่ในระดีบสูงเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ปรับตัวดีขึ้น ส่งผลให้สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตามแผน โดยปัจจุบันบริษัทได้กระจายการจำหน่ายสินค้าให้กับลูกค้าไปยังประเทศไทย ประเทศอินเดีย ประเทศญีปุ่น และ ประเทศจีน ซึ่งกระจายอยู่ในกลุ่มลูกค้ามากกว่า 50 ราย โดยเป็นลูกค้ารายใหญ่ 15 ราย
“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโตงิด-19 ที่เกิดขึ้น จึงทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับการกระจายรายได้ไปยังหลากหลายกลุ่มลูกค้า และ หลากหลายกลุ่มประเทศ เพื่อที่จะลดความเสี่ยงในช่วงสถานการณ์ไม่ปกติ ซึ่งตอนนี้เราสามารถทำได้ตามเป้าหมายแล้ว เพราะไม่มีลูกค้ารายไหนที่มีสัดส่วนมากกว่า 10%”นายชูวิทย์ กล่าว
สำหรับภาพรวมทั้งปี บริษัทยังคงมั่นใจรายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 28,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะมีการใช้กำลังการผลิตเฉลี่ยทั้งปีที่ 95% ขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าใหม่จากประเทศอินเดีย และ ญีปุ่น อีก 2 ราย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนเร็วๆนี้
นอกจากนี้บริษัทได้เตรียมส่งมอบแผ่นปูรองนอนวัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ไม่ต่ำกว่า 60,000 แผ่น หรือ มีรายได้ราว 90 ล้านบาท ก่อนที่จะเพิ่มเป็น 500 ล้านบาท ในปี 66 ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ภายในช่วงไตรมาส 2/66 เพิ่มเติมด้วย
นายชูวิทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้รับการอนุมัติการขายหุ้นกู้จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และได้แต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้รวม 13 แห่ง เพื่อเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว จำนวน 2 ชุด ได้แก่
- หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.65% ต่อปี
- หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.40% ต่อปี
โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้
นายชูวิทย์ กล่าวว่า หุ้นกู้ชุดนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก และมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในการขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เนื่องจากทาง NER มีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่องมาตลอด อีกทั้งยังมีการบริหารจัดการความเสี่ยงในภาวะที่เศรษฐกิจและยางพารามีความผันผวน รวมทั้งมีการนำพลังงานสะอาดมาใช้ในโรงงานที่สามารถช่วยลดต้นทุนได้ดี
การเสนอขายหุ้นกู้ NER มีผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้และนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้รวม 13 แห่ง ได้แก่ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) บล.เอเซีย พลัส บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) บล.โนมูระ พัฒนสิน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ บล.โกลเบล็ก บล.ฟินันเซีย ไซรัส บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) บล.เอเอสแอล และนายหน้าซื้อขายตราสารหนี้ บลจ.เอเชีย เวลท์ นนายทะเบียนหุ้นกู้ คือ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และผู้แทนผู้หุ้นกู้ คือ บล.ดาโอ (ประเทศไทย)
ด้านนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า สำหรับวัตถุประสงค์การใช้เงิน บริษัทจะนำเงินไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการซื้อวัตถุดิบ และ/หรือสต๊อกสินค้าคงเหลือ ขณะที่ NER ได้รับการจัดอันดับเครดิตขององค์กรอยู่ที่ระดับ “BBB-” แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 65)
Tags: NER, ชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์, นอร์ทอีส รับเบอร์, หุ้นกู้, หุ้นไทย