BLS คงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 1,705 จุด รับศก.ไทยฟื้น,ผุดแคมเปญดึงกลุ่ม Gen Y,Z

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้มองว่าในระยะสั้นตลาดยังคงมีการฟื้นตัวได้ หลังจากตอบรับปัจจัยกดดันต่างๆไปมากแล้ว ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ตลาดคลายความกังวล ประกอบกับเริ่มเห็น Fund Flow กลับเข้ามาในตลาดหุ้น อีกทั้งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไตรมาส 2/65 และครึ่งปีแรกของปี 65 ที่รายงานออกมาดีกว่าที่ทางบล.บัวหลวงประมาณการไว้ 20% เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนภาพรวมของตลาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ออกมาดีกว่าที่คาดไว้

โดยที่บล.บัวหลวง ยังคงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 65 ที่ 1,705 จุด หรือมีคิดเป็น P/E ที่ 17.3 เท่า ซึ่งกลุ่มที่แนะนำในการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงเป็นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย การเปิดเมืองและเปิดประเทศ ได้แก่ กลุ่มแบงก์ ที่ยังคงเห็นการฟื้นตัวขึ้นของสินเชื่อ และกำไรในไตรมาส 2/65 ยังออกมาดี อีกทั้งยังมีมูลค่าหุ้นที่ถือว่าไม่แพงและเหมาะสม กลุ่มท่องเที่ยวที่ได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรม ที่จะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวต่างงาติเป็นลำดับต้นๆ กลุ่มโรงพยาบาล ที่คาดว่าในปีนี้จะมีกลุ่มคนไข้ชาวต่างชาติเดินทางเข้ามารักษา ช่วยหนุนรายได้จากฐานลูกค้าคนไข้กลับมา ทำให้เริ่มเห็นผลการดำเนินงานฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มค้าปลีก ที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการเปิดเมือง การเปิดประเทศ มีการจับจ่ายใช้สอยจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเข้ามา รวมถึงกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งยังเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่บล.บัวหลวงให้คำแนะนำในการลงทุน ซึ่งจะมีการเติบโตไปตามความต้องการของสินค้าไอที และเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง

ขณะที่ภาพรวมของวอลุ่มการซื้อขายของลูกค้าที่ใช้บริการซื้อขายหลักทรัพย์กับบล.บัวหลวง ในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.นี้ ถือว่าเริ่มกลับมาซื้อขายกันมากขึ้น หลังดัชนีตลาดหุ้นไทย และตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง จากการที่ตลาดรับข่าวเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางต่างๆไปแล้ว ทำให้เริ่มมีการกลับเข้ามาซื้อและเก็งกำไรในตลาดหุ้น แต่อย่างไรก็ตามวอลุ่มในการซื้อขายปีนี้ยังคงเบาบาง จากการที่สภาพคล่องลดลงไป อีกทั้งมีปัจจัยเสี่ยง และความไม่แน่นอนต่างๆเกิดขึ้น ทำให้ตลาดผันผวน นักลงทุนก็ยังคงชะลอการลงทุนไปบ้าง

สำหรับดีล IPO ของบล.บัวหลวงนั้น ในช่วงสิ้นเดือนส.ค.นี้จะมีความชัดเจนในการนำเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 1 ราย ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ DR ใหม่ๆในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังอยู่ระหว่างศึกษา

นายพิเชษฐ กล่าวว่า บล.บัวหลวงได้เดินหน้าพัฒนานวัตกรรมต่อเนื่อง ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ และการอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน รวมถึงการเสริมสร้างความรู้ให้กับนักลงทุน โดยล่าสุดได้นำกลยุทธ์ “Music Marketing” ที่เป็นการตลาดรูปแบบใหม่มาเชื่อมโยงและเปิดประสบการณ์เรื่องการลงทุนกับคนรุ่นใหม่ ถือเป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรมธุรกิจหลักทรัพย์ ภายใต้ชื่อ “BUAJOY with The Toys เส้นทางลงทุนสำหรับมือใหม่” โครงการสร้างสรรค์แนวคิดการใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ผ่านเสียงเพลงที่ชื่อ “ฉันรวย” (I’m rich) ของศิลปิน The Toys จากค่ายเพลง What The Duck เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นการเรียนรู้เรื่องการลงทุนในแบบ “ร.ว.ย.” ที่หมายถึง “เรียนรู้ วิเคราะห์ แยกแยะ” โดยมีหลักทรัพย์บัวหลวงเป็น “เพื่อนสนิท คู่คิดนักลงทุน”

โดยกลยุทธ์ดังกล่าวถือเป็นการต่อยอดกิจกรรมให้กับผู้เข้าร่วมโครงการจะได้เริ่มต้นเรียนรู้เรื่องการลงทุนตลอดโครงการผ่าน “Wealth CONNEX” บนเมนู BUAJOY แอปพลิเคชันบริการเชื่อมต่อทุกความรู้และบริการรูปแบบใหม่ผ่านช่องทางดิจิทัลที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเดือนเม.ย. 65 ซึ่งมีจำนวนผู้ใช้บริการผ่าน Wealth CONNEX ในปัจจุบันรวมกว่า 35,000 ราย พร้อมกับการต่อยอดไปสู่โครงการ Stock Master ซึ่งทางบล.บัวหลวงจะมีการเปิดตัวในเร็วๆนี้ตามมา

ขณะเดียวกันกลยุทธ์ดังกล่าวยังมุ่งเป้าขยายฐานลูกค้ากลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงาน หรือทำงานมาสักระยะหนึ่งแล้ว มีเงินส่วนหนึ่งที่สามารถนำมาวางแผนในการลงทุน เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับตนเองในอนาคต ทั้งในกองทุนรวม หรือหุ้น ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมในการมองหาอิสรภาพทางการเงินในอนาคตของกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายถัดไปที่บล.บัวหลวงจะขยายฐาน จากช่วงก่อนหน้านี้ได้ขยายฐานกลุ่ม Gen X ไปแล้ว

โดยปัจจุบันฐานลูกค้าของบล.บัวหลวงมีทั้งหมด 650,000 ราย หรือคิดเป็นสัดส่วน 30% ของทั้งอุตสาหกรรม โดยเป็นกลุ่มลูกค้าที่ Active มากกว่า 50% ซึ่งในปัจจุบันกลุ่มลูกค้าที่ Active ที่มีการซื้อขายหลักทรัพย์หรือกองทุนรวมส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ซึ่งมองหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนเข้ามามากขึ้น และเริ่มมีความสนใจในการลงทุน มีการแสวงหาความรู้ใหม่ๆในการลงทุน เพื่อสร้างการเติบโตให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งโครงการ BUAJOY จะเข้ามาช่วยเสริมในด้านความรู้การบริหารจัดการพอร์ตและการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่ได้อีกด้วย

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ส.ค. 65)

Tags: , , , , , ,
Back to Top