พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่ในปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พบว่าเหตุกราดยิง (Active Shooter) นั้นไม่ได้พบแต่ในต่างประเทศเท่านั้น แต่ในประเทศไทยก็เคยมีเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวมาแล้ว เช่น เหตุกราดยิง ที่ตลาดไท อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2550 และเหตุกราดยิงที่ห้าง Terminal 21 จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2563 เป็นต้น อีกทั้งหลักการดังกล่าวยังสามารถนำไปปรับใช้ในการเอาชีวิตรอดในเหตุการณ์ยิงปะทะต่างๆอีกด้วย
สตช.จึงประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รู้จักหลัก “หนี ซ่อน สู้” หรือ “Run Hide Fight” ซึ่งเป็นหลักสากลที่ FBI และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในหลายๆประเทศ นำมาใช้แนะนำประชาชนในการเอาชีวิตรอดในเหตุกราดยิง โดยหลักการดังกล่าวมีรายละเอียดดังนี้
“หนี – Run” เมื่อสามารถหาเส้นทางหลบหนีที่พาไปยังพื้นที่ปลอดภัยได้
- เวลาไปสถานที่ต่าง ๆ ให้จดจำทาง เข้า-ออก และทางออกฉุกเฉินให้เป็นนิสัย
- เมื่อเกิดเหตุต้องตั้งสติให้ดี และมองหาเส้นทางในการหลบหนี
- ทิ้งของทุกอย่างที่ไม่จำเป็น
- ช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่สามารถช่วยได้
“ซ่อน” – Hide” เมื่อไม่สามารถหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ให้หาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อนตัว
- ล็อคประตูและหาสิ่งที่ของมาใช้กีดขวางคนร้ายเพื่อไม่ให้มาถึงตัว
- ซ่อนให้พ้นสายตาโดยหลบหลังสิ่งของขนาดใหญ่และแข็งแรง เช่น โต๊ะ กำแพง เป็นต้น
- ปิดไฟในห้อง และปิดเสียงโทรศัพท์มือถือ
- อยู่ให้เงียบที่สุด ไม่พูดคุยหรือใช้เสียง
“สู้ – Fight” เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อไม่สามารถหนีหรือซ่อนตัวจากคนร้ายได้ และคนร้ายกำลังจะเข้ามาถึงตัวหรือโจมตีมาที่ตน
- ร่วมกันสู้สุดกำลัง เพื่อให้มีโอกาสรอด
- ใช้การซุ่มโจมตีโดยไม่ให้คนร้ายรู้ตัว เพื่อหยุดยั้งคนร้าย
- ใช้สิ่งของทุกอย่างที่หาได้มาเป็นอาวุธ
- ใช้ทุกวิธีการที่นึกได้ ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด
อย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นหรืออยู่ในเหตุการณ์กราดยิง หรือเหตุการณ์ที่มีการใช้อาวุธปืนต่าง ๆ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางเข้าไประงับเหตุได้ ทั้งนี้การโทรศัพท์แจ้งเหตุที่หมายเลข 191 จะต้องมั่นใจว่าในขณะที่ทำการโทร ตนเองอยู่นอกระยะการมองเห็นหรือได้ยินของคนร้าย เพื่อป้องกันไม่ให้คนร้ายพุ่งเป้าในการโจมตีมาที่ตน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ส.ค. 65)
Tags: lifestyle, กราดยิง, ศิริวัฒน์ ดีพอ, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ