บมจ.โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น (MOSHI) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเตรียมเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยแต่งตั้ง บล.กสิกรไทย เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์ (Lifestyle) รายใหญ่ของประเทศไทย ภายใต้ชื่อทางการค้า Moshi Moshi ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของทีมผู้บริหารที่มีในธุรกิจมากว่า 40 ปี ที่มุ่งมั่นพัฒนาสินค้าโดยยึดหลักการ คือ 1.) Design: การออกแบบ สร้างสรรค์และพัฒนาสินค้า ให้ตรงกับความชอบและการใช้งานของผู้บริโภค 2.) Quality: พัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ใช้งานได้ดี เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า 3.) Price: ราคาสินค้าย่อมเยา เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น และ 4.) Variety: นำเสนอสินค้าที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความสะดวกและตอบสนองความต้องการ ของผู้บริโภคได้อย่างครบถ้วน ทำให้ MOSHI สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับสินค้าที่จัดจำหน่ายส่วนใหญ่ภายในร้านจะเป็นสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ซึ่งมีการออกแบบเพื่อจำหน่ายในร้านของบริษัทฯ โดยเฉพาะ (Exclusive) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการพัฒนาและแสวงหาสินค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีสินค้าหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากถึง 12 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ในบ้าน (Home Furnishing) กระเป๋า (Bag) เครื่องเขียน (Stationery) ตุ๊กตา (Plush Toy) ของใช้แฟชั่น (Fashion) อุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty) เครื่องนุ่งห่ม (Apparel) เครื่องสำอาง (Cosmetic) อุปกรณ์ด้านไอที (IT) ของเล่น (Toy) อาหารและเครื่องดื่ม (Food & Drink) และหมวดอื่นๆ (Others) เช่น หน้ากากผ้า COVID-19 (Antigen Test Kit) พวงกุญแจ ชุดตรวจหาเชื้อ เป็นต้น โดยมีจำนวนสินค้า (SKUs) รวมกว่า 18,000 SKUs (ณ วันที่ 31 มี.ค.65)
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางที่หลากหลาย ได้แก่ (1) เครือข่ายสาขาของบริษัทฯ ซึ่งครอบคลุมทุกภูมิภาค ปัจจุบันมีสาขาร้าน Moshi Moshi ที่เปิดดำเนินการทั้งหมด 96 สาขา ครอบคลุม 40 จังหวัด (2) การขายสินค้าผ่านออนไลน์แพลตฟอร์ม (Online Platform) ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Shopee และ Lazada และ (3) ร้านป๊อปอัพ สโตร์ (Pop-up Store) ซึ่งเป็นร้านค้าที่จัดขึ้นชั่วคราวบริเวณพื้นที่ส่วนกลางของห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีศูนย์กระจายสินค้า (Distribution Center) โดยมีขนาดพื้นที่สำหรับคลังสินค้าจำนวน 26,500 ตารางเมตรในจังหวัดนครปฐมซึ่งมีความสะดวกต่อการรับ เบิกจ่าย และจัดส่งสินค้าไปยังร้านสาขาของ MOSHI ทั่วประเทศ ซึ่งจะช่วยให้ MOSHI มีการบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MOSHI กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ดำเนินธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ที่ว่าเราจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยเน้นคุณภาพ สรรสร้างการออกแบบที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้ และคงไว้ซึ่งความนิยมของผู้บริโภคเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของ MOSHI เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของลูกค้า” ด้วยประสบการณ์ในการทำธุรกิจมาอย่างยาวนาน ทำให้บริษัทฯ มีความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ขายสินค้า (Supplier) ทั้งในและต่างประเทศ ประกอบกับมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสินค้าประเภทต่างๆ รวมถึงโครงสร้างต้นทุนของสินค้าแต่ละประเภทเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถจัดหาผู้ขายสินค้าสำหรับร้าน MOSHI โดยเฉพาะ ซึ่งสามารถรักษามาตรฐานและคุณภาพสินค้าในต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
นอกจากนี้ ด้วยรูปแบบการประกอบธุรกิจที่หลากหลายทั้งการค้าปลีกและการค้าส่ง ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ (1) การเติบโตของจำนวนสาขาร้านค้าปลีกจะช่วยสร้างข้อได้เปรียบในเรื่องปริมาณ (Volume) การสั่งซื้อสินค้า ซึ่งทำให้สามารถเจรจาต่อรองเงื่อนไขต่างๆ รวมถึงส่วนลดจากผู้ขายสินค้า (2) การรับรู้ในแบรนด์สินค้า จากการขยายสาขาไปยังจังหวัดต่างๆ และ (3) อัตราการทำกำไรของธุรกิจค้าปลีกที่มากกว่าเมื่อเทียบกับธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง ในขณะที่การจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าประเภทค้าช่วงจะช่วยให้บริษัทฯ สามารถกระจายสินค้าไปยังพื้นที่ที่บริษัทฯ ยังไม่มีสาขาให้บริการ
“MOSHI เป็นบริษัทสัญชาติไทย ทำให้เราเข้าใจความชอบของคนไทย และรับรู้ลักษณะการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยได้เป็นอย่างดี ประกอบกับมีฝ่ายจัดหาและพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นของตนเอง ทำให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มสินค้าใหม่ๆ และความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งแต่ละปีเรามีสินค้าใหม่ที่ออกจำหน่ายและสินค้าตามเทศกาลมากกว่า 8,000 รายการต่อปี เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าและสร้างความแตกต่างจากสินค้าของผู้ประกอบการรายอื่น พร้อมกันนี้ เราได้ทำ Visual Merchandise ซึ่งเป็นหนึ่งกลยุทธ์การจัดแสดงสินค้าภายในร้านเพื่อเพิ่มประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้า การจัดตกแต่งร้านให้สวยงาม และการจัดแผนผังร้านให้มีพื้นที่ใช้สอยสูงสุด ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ให้แก่สินค้าแบรนด์ Moshi Moshi และเพิ่มโอกาสในการขายสินค้ามากขึ้น”
นายสง่า กล่าว
ปัจจุบัน MOSHI มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1.00 บาท โดยมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้วจำนวน 240 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 240 ล้านหุ้น โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเดิม จำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น และเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกใหม่ จำนวนไม่เกิน 60 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 25 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของเงินลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจชำระเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน รวมถึงภาระหนี้อื่นที่บริษัทฯ อาจมีขึ้นในอนาคต และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มบริษัทฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 65)
Tags: IPO, MOSHI, สง่า บุญสงเคราะห์, หุ้นไทย, หุ้นไอพีโอ, โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น