นายพิสิทธิ์ พัวพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมิ.ย. 65 ว่า เศรษฐกิจภูมิภาคในเดือนมิ.ย. ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นในทุกภูมิภาค อีกทั้งการบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นใน ภาคใต้ ภาคตะวันตก และภาคตะวันออก นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาคครั้งแรกในรอบ 6 เดือน เนื่องจากการผ่อนคลายของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)
- เศรษฐกิจภาคใต้
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 16.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 17.7% และ 15.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 26.5% และ 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการแม้ว่าชะลอลง -61.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัว 73.6% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล จากโรงงานซ่อมและเคาะพ่นสีรถยนต์ ในจังหวัดภูเก็ต เป็นสำคัญ
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 2,357.6% และ 4,132.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37.9 และ 80.4 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 36.8 และ 74.7 ตามลำดับ
- เศรษฐกิจภาคตะวันตก
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 56.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 14.2% และ 8.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 4.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอลงที่ -2.4% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล สำหรับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัว 629.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยเงินทุน 0.6 พันล้านบาท จากโรงงานผลิตภาชนะบรรจุอาหารในจังหวัดกาญจนบุรี เป็นสำคัญ
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 1,501.8% และ 1,443.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ นอกจากนี้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 40.8 และ 89.2 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 39.5 และ 86.4 ตามลำดับ
- เศรษฐกิจภาคตะวันออก
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ขยายตัว 49.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ จำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 4.5% และ 19.0% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 2.8% และ 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.7% แต่ชะลอลง -21.1% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
ในด้านอุปทาน มีสัญญาณฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 1,626.2% และ 2,027.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ทั้งนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 44.5 จากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 43.2 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง มาอยู่ที่ระดับ 102.9 จากเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 104.8
- เศรษฐกิจภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ขยายตัว 6.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 5.7% ต่อปี แต่ชะลอลง -0.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ แม้ว่าชะลอลง -3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัว 2.8% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุน สะท้อนจากเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการขยายตัว 953.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยเงินทุน 10.6 พันล้านบาท จากโรงงานผลิตอุปกรณ์ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์เชื่อมต่อ (Connector) รวมถึงชิ้นส่วน ชิ้นส่วนทดแทน และอุปกรณ์เสริมของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ในจังหวัดนครราชสีมา เป็นสำคัญ ขณะที่จำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ ชะลอลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 757.7% และ 904.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 45.9 และ 80.6 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 44.7 และ 75.4 ตามลำดับ
- เศรษฐกิจ กทม. และปริมณฑล
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภค สะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 35.5% และ 5.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ แม้ว่าชะลอลง -4.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัว 0.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ขยายตัว 9.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ แม้ว่าชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -4.9% แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 2.0% ขณะที่เงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการชะลอลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 1,229.3% และ 2,273.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 39.8 และ 89.2 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 38.3 และ 86.4 ตามลำดับ
- เศรษฐกิจภาคกลาง
ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น
ด้านอุปสงค์ พบว่าเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถยนต์นั่งจดทะเบียนและจำนวนรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ขยายตัว 5.5% และ 18.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ ขณะที่การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ชะลอลงทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล
สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนจากจำนวนรถบรรทุกจดทะเบียนใหม่ และจำนวนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลจดทะเบียนใหม่ แม้ว่าชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -13.0% และ -8.4% ตามลำดับ แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 2.2% และ 1.5% ตามลำดับ เช่นเดียวกับเงินทุนของโรงงานที่เริ่มประกอบกิจการแม้ว่าชะลอลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน -90.2% แต่ขยายตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล 1,124.2% จากโรงงานผลิตตู้ไฟ ตู้สวิทช์บอร์ด ตู้แผงวงจรไฟฟ้า และท่ออ่อนร้อยสายไฟ ฯลฯ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสำคัญ
ด้านอุปทาน มีสัญญาณการฟื้นตัวจากการท่องเที่ยว โดยจำนวนผู้เยี่ยมเยือน และรายได้จากผู้เยี่ยมเยือนรวมขยายตัว 1,458.8% และ 1,520.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ นอกจากนี้ ในด้านความเชื่อมั่น พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค และดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับเพิ่มขึ้น มาอยู่ที่ระดับ 40.8 และ 89.2 ตามลำดับ จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 39.5 และ 86.4 ตามลำดับ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 65)
Tags: พิสิทธิ์ พัวพันธ์, สศค., เศรษฐกิจภูมิภาค, เศรษฐกิจไทย