นายราวี เมนอน ผู้ว่าการธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) กล่าวว่า สิงคโปร์มีเป้าหมายที่จะเพิ่มขอบข่ายการใช้กฎระเบียบควบคุมคริปโทเคอร์เรนซี พร้อมกับปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่า กิจการของบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลที่ล่มสลายลงในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นผลมาจากการถูกควบคุมโดยรัฐบาลสิงคโปร์
นายเมนอนแถลง หลังจาก MAS เปิดเผยรายงานประจำปีในวันนี้ว่า MAS วางแผนที่จะปรึกษาหารือกันเกี่ยวกับแนวทางในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า โดยกฎระเบียบใหม่นี้ อาจรวมถึงการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบรรดานักลงรายย่อยที่จะเข้าลงทุนในคริปโทฯ และเพิ่มขอบข่ายการใช้กฎระเบียบเพื่อควบคุมกิจกรรมต่าง ๆ เป็นวงกว้างมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทคริปโทฯ บางแห่งที่มีความเชื่อมโยงกับสิงคโปร์นั้น ได้รับผลกระทบอย่างหนักในปีนี้ หลังจากธนาคารกลางทั่วโลกประกาศใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ซึ่งส่งผลให้มูลค่าของตลาดคริปโทฯหายไปมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัททรี แอโรว์ส แคปิตอล (Three Arrows Capital หรือ 3AC) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสิงคโปร์ที่เน้นลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ได้ยื่นขอล้มละลายในเดือนนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ทางบริษัทได้นับแจงจาก MAS ถึงกรณีการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเกินเพดานที่กำหนด
3AC ผิดนัดชำระหนี้เงินกู้มูลค่า 670 ล้านดอลลาร์ที่จะต้องจ่ายให้กับบริษัทวอยเอเจอร์ ดิจิทัล (Voyager Digital) ซึ่งเป็นโบรกเกอร์สินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐ ส่งผลให้วอยเอเจอร์ประสบปัญหาด้านการเงินอย่างหนักและได้ตัดสินใจยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11
สิงคโปร์ยังคงใช้มาตรการคุมเข้มเพื่อควบคุมการลงทุนในคริปโทฯ ซึ่งรวมถึงการควบคุมการทำตลาดคริปโทฯ และกำหนดให้ผู้ที่ให้บริการคริปโทฯ ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐบาลสิงคโปร์ แม้ว่าบริษัทเหล่านั้นทำธุรกิจอยู่ในต่างประเทศก็ตาม
ทั้งนี้ นายเมนอนกล่าวว่า MAS จะจัดการประชุมเสวนาในเดือนหน้า เพื่อกำหนดกฎระเบียบที่จะบังคับใช้กับคริปโทฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 65)
Tags: Cryptocurrency, MAS, การลงทุน, คริปโทเคอร์เรนซี, ธนาคารกลางสิงคโปร์, สิงคโปร์