หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ บาทอ่อนกด Flow ไหลออก-ราคาน้ำมันลดลง

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ หลังรับรู้ปัจจัยกดดันไปแล้ว และไร้ปัจจัยใหม่ แต่มีปัจจัยเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องกดดันเงินไหลออก และราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงมากดดันหุ้นพลังงาน ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้บวกลบสลับกัน พร้อมให้แนวต้าน 1,540-1,545 จุด แนวรับ 1,525-1,530 จุด

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ หลังจากรับรู้ปัจจัยกดดันต่างๆไปมากแล้ว และยังไร้ปัจจัยใหม่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนค่าค่อนข้างมากยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงนี้ ส่งผลให้มีเงินไหลออกจากตลาดหุ้นไทยกดดันดัชนีส่วนหนึ่ง และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังปรับลดลงมากดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้เปิดมาเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน และติดตามตัวเลข GDP ไตรมาส 2/65 ของจีนที่จะออกมาในวันนี้

พร้อมให้แนวต้าน 1,540-1,545 จุด แนวรับ 1,525-1,530 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,630.17 จุด ลดลง 142.62 จุด หรือ -0.46%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,790.38 จุด ลดลง 11.40 จุด หรือ -0.30% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,251.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.60 จุด หรือ +0.03%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,736.08 จุด เพิ่มขึ้น 92.69 จุด หรือ +0.35% ,ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,522.11 จุด ลดลง 229.10 จุด หรือ -1.10% และ ดัชนี SSE Composite

ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,281.74 จุด ลดลง 20.36 จุด หรือ -0.62%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 ก.ค.) ที่ระดับ 1,536.82 จุด ลดลง 9.98 จุด, -0.65%

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,437.19 ล้านบาท เมื่อวันที่ 14 ก.ค.65

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค. (14 ก.ค.)ลดลง 52 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 95.78 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 ก.ค.) อยู่ที่ 8.81 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 36.58 อ่อนค่าต่อเนื่องจากกังวลเฟดเร่งขึ้นดบ.แรง กรอบวันนี้ 36.50-36.70

– “นักเศรษฐศาสตร์” ชี้เงินเฟ้อสหรัฐพุ่งนิวไฮรอบ 40 ปี กดดันดำเนินนโยบายการเงินของไทย “เคเคพี-ซีไอเอ็มบี” ประเมินหากเฟดขึ้นดอกเบี้ย 1% กดดัน กนง.ขยับเพิ่ม 0.50% “ทีทีบี” คาดเงินบาทอ่อนค่า 38-39 บาทต่อดอลลาร์ แต่ไม่น่ากังวล เชื่อ กนง.ขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป “บล.ทิสโก้” คาดแบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง แต่จะเร็วหรือช้าอยู่ที่ตัวเลขเงินเฟ้อ

– “เฟทโก้” ชี้ การลงทุนหุ้น ปัจจุบันอยู่ในภาวะ “มรสุม” ลงทุนยาก มีโอกาสขาดทุนสูง เสี่ยงเข้าสู่ตลาดหมี แนะระมัดระวังในช่วงตลาดผันผวน ด้านผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า (ก.ย.)ปรับตัวลง 23.1% อยู่ที่ 64.57 เข้าสู่เกณฑ์ “ซบเซา” ครั้งแรกในรอบ 11 เดือน

– มอร์นิ่งสตาร์รีเสิร์ช เผย เงินเฟ้อพุ่งสูงทั่วโลกฉุดกองทุนรวมไทย Q2 ลดลง 6.3% จากไตรมาสก่อนหน้า แตะ 4.9 ล้านล้านบาท ชี้ หากหุ้นไทยลงหนักอีกรอบ กองทุน SSF เตรียมรับทรัพย์ดันพอร์ตโต ขณะที่ภาพรวมนักลงทุนยังลดความเสี่ยงหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำสุด

 

*หุ้นเด่นวันนี้

– GPSC (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 72 บาท แรงกดดันต่อต้นทุนพลังงานเริ่มลดลงหลังจากแนวโน้มของราคาน้ำมันดิบเริ่มชะลอตัวเป็น Sentiment บวกกับโรงไฟฟ้าประกอบกับมีประเด็นเรื่องการปรับขึ้นค่า Ft ให้เก็งกำไรเป็นบวกกับผู้ประกอบการที่มีสัดส่วนของโรงไฟฟ้า SPP และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นภาคอุตสาหกรรมสูง

– EKH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 9.20 บาท คาดกำไรไตรมาส 2/65 ชะลอทั้ง Q-Q และ Y-Y จากฐานที่สูงในไตรมาส 1/65 และไตรมาส 2/64 ขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ในไตรมาส 2/65 ดีขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่ายังสูงกว่าช่วงก่อนก่อน COVID-19 สะท้อน Demand บริการทางการแพทย์ที่ยังแข็งแกร่ง แนวโน้มไตรมาส 3/65 มีโอกาสเร่งตัวขึ้นตามปัจจัยฤดูกาลรวมถึงจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กลับมาเร่งตัวขึ้นและทำให้เตียงเริ่มเต็มอีกครั้ง เราคาดกำไรปี 2565 -36% Y-Y แต่ยังสูงกว่าก่อนโควิด-19 ถึง 24%

– EA (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 84.00 บาท การส่งมอบรถบัส EV จะช่วยปลดล็อค Sentiment กลุ่ม ตามสัญญาสัมปทานของ BYD หลังชนะการเดินรถ 71 เส้นทางใน กทม. มีรถที่ต้องส่งมอบภายในเดือน ต.ค. 65 กว่า 1-1.5 พัน คัน จากทั้งหมด 2,355 คัน (42-62%) EA มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตโรงงานแบตเตอรี่อีก 1 GWH เป็น 2GWH รัฐหนุน EV ด้วยทุกนโยบายที่มี ด้าน Use Case หรือจำนวนรถ EV ที่จดทะเบียนในไทยสะสม (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 1.7 หมื่น คัน +119%YoY Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 เฉลี่ยที่ 8.85 พัน ลบ. และ 9.68 พัน ลบ. +45%YoY, +9.4%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 65)

Tags: , ,
Back to Top