หุ้นไทยปิดเช้าลบ 2.73 จุด วอลุ่มบางรอลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐ แรงซื้อแบงก์-โรงไฟฟ้าช่วยพยุง

SET ปิดเช้า 1,555.14 จุด ลดลง 2.73 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขายราว 23,044 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับลงเล็กน้อยตามตลาดหุ้นภูมิภาคกลับมากังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอย แต่ยังมีแรงซื้อกลับหุ้นกลุ่มแบงก์และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่เก็งข่าวปรับขึ้นค่าเอฟทีช่วยพยุงไว้ได้บ้าง แต่ปริมาณการซื้อขายเบาบางระหว่างเกาะติดเงินเฟ้อสหรัฐกลางสัปดาห์ตลาดฯคาด 8.8% สูงกว่าเดือนก่อน ช่วงบ่ายคาด Sideway down ให้แนวรับแรก 1,550 จุด ถัดไป 1,544 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,560 และ 1,563 จุด

  • ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,555.14 จุด ลดลง 2.73 จุด (-0.18%) มูลค่าการซื้อขายราว 23,044 ล้านบาท
  • การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยทำระดับสูงสุด 1,560.01 จุด และระดับต่ำสุด 1,550.54 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าว่า ตจาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลดลงเล็กน้อยในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย ยกเว้นตลาดหุ้นญี่ปุ่น ตอบรับปัจจัยเดิมคือความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐถดถอยจากการเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ย เนื่องจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรออกมาดีกว่าคาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยมีแรงซื้อกลับหุ้นแบงก์ นำโดย SCB เทรดคึกคักจากเก็งผลกำไรการขาย บลจ.ไทยพาณิชย์ และการเลื่อนดีล Bitkub ที่อาจทำให้ใช้เงินลงทุนน้อยลงหรืออาจยกเลิกดีล รวมทั้งกลุ่มแบงก์ใกล้จะประกาศงบการเงินไตรมาส 2/65 ทำให้มีการเก็งกำไรเข้ามา โดย ซีจีเอสฯคาดว่าผลดำเนินการทั้งกลุ่มแบงก์จะเติบโต 20% YoY แต่ลดลง 3% QoQ รวมทั้งมีแรงซื้อกลุ่มโรงไฟฟ้าหลังมีกระแสข่าวคณะกรรมการกำกับพลังงาน (กกพ.) จะปรับขึ้นค่าเอฟที ด้วยแรงซื้อดังกล่าวช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยไว้ได้ระดับหนึ่ง

แต่ปริมาณการซื้อขายน้อย และค่าเงินบาทยังนิ่ง คาดว่าชะลอลงทุนเพื่อรอตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่จะประกาศในวันพุธนี้ (13 ก.ค.) โดยตลาดคาดว่าจะอยู่ที่ 8.8% มากกว่าเดือนก่อนที่อยู่ในระดับ 8.6% ซึ่งหากเป็นตามคาดตลาดหุ้นจะปรับตัวลงอีกครั้ง แต่ถ้าออกมาต่ำกว่านั้นก็จะช่วยให้ตลาดฟื้นขึ้นมาได้ นอกจากนั้น ยังรอติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) 21 ก.ค. และ ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) 26-27 ก.ค.

บ่ายนี้ แนวโน้มการลงทุนคาดว่าดัชนีจะแกว่ง sideway down ปริมาณซื้อขายน้อย และยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาเพิ่มเติม แนะติดตามดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ขณะนี้ปรับตัวลง และตลาดหุ้นยุโรปที่คาดเปิดลบ กังวลเศรษฐกิจสหรัฐที่เร่งขึ้นดอกเบี้ย ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) พุ่งเหนือ 3%

พร้อมให้แนวรับแรกที่ 1,550 จุด แนวรับถัดไป 1,544 จุด ส่วนแนวต้านแรก 1,560 และ 1,563 จุด

 

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์

  • PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,486.41 ล้านบาท ปิดที่ 160.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,335.11 ล้านบาท ปิดที่ 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
  • SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,116.96 ล้านบาท ปิดที่ 101.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.75 บาท
  • BLL มูลค่าการซื้อขาย 748.69 ล้านบาท ปิดที่ 131.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
  • AOT มูลค่าการซื้อขาย 583.88 ล้านบาท ปิดที่ 70.25 บาท ลดลง 0.50 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top