ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน มีกำหนดเดินทางออกจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกหลังจากอยู่แต่ในประเทศนาน 893 วัน แม้ว่าเขาจะยังคงส่งเสริมนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Zero-Covid) ซึ่งทำให้จีนถูกโดดเดี่ยวทางการทูตท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้น
สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่า ปธน.สีจะเดินทางข้ามพรมแดนไปยังฮ่องกงเพื่อร่วมฉลองโอกาสครบรอบ 25 ปีที่อังกฤษส่งมอบเกาะฮ่องกงคืนสู่จีน แม้ว่าจีนจะมีอำนาจอธิปไตยเหนือฮ่องกง แต่พรมแดนระหว่างฮ่องกงและจีนได้ถูกปิดตั้งแต่ช่วงต้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทางการจีนยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการเดินทางของปธน.สีในฮ่องกง แต่คาดว่าปธน.สี จะเดินทางถึงฮ่องกงในช่วงบ่าย วันนี้ (30 มิ.ย.) และจะพักค้างคืนในเมืองเซินเจิ้นซึ่งอยู่ใกล้เคียง
ปธน.สีได้ยุติการเดินทางระหว่างประเทศทั้งหมดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยการเดินทางออกนอกประเทศครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2563 ไปยังเมียนมา โดยเป็นการเดินทางที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนการสั่งปิดเมืองอู่ฮั่น และนับตั้งแต่นั้นมา ปธน.สีได้ยึดมั่นในนโยบายควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยข้อกำจัดที่เข้มงวดด้านการเดินทางและการปิดพรมแดน ขณะที่ประเทศอื่น ๆ ได้เปิดประเทศแล้ว
ด้านความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐเสื่อมถอยลงในช่วงที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาด โดยเกิดความขัดแย้งกันในด้านต่าง ๆ อาทิ การนำเข้าผลิตภัณฑ์ไฮเทค เช่น ชิป, เสรีภาพทางการเมืองในฮ่องกง และข้อกล่าวหาเรื่องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในซินเจียง
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ของจีนกับออสเตรเลียก็ยังย่ำแย่ หลังออสเตรเลียเรียกร้องให้สอบสวนที่มาของโรคโควิด-19 ตลอดจนแรงกดดันทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีนต่อไต้หวัน ได้เพิ่มความตึงเครียดในภูมิภาค
นายตงซู่ หลิว ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาคการเมืองจีนประจำมหาวิทยาลัยซิตี ฮ่องกงระบุว่า “การอยู่แต่ในจีนส่งผลกระทบต่ออิทธิพลระหว่างประเทศของปธน.สี แม้ว่าเขาจะพยายามบรรเทาผลกระทบดังกล่าวด้วยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ทางออนไลน์ก็ตาม”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 มิ.ย. 65)
Tags: จีน, สี จิ้นผิง, ฮ่องกง