นางอมลรัตน์ ประจักษ์ธรรม กรรมการ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป (TOG) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 65 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ไม่ต่ำกว่า 15-20% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนตัวลงทะลุระดับ 35.00 บาทต่อดอลลาร์ มองว่าเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจ เนื่องจากบริษัทสัดส่วนรายได้มากกว่า 95-96% มาจากการส่งออก
ขณะสถานการณ์เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นทั่วโลกมองว่าอาจมีผลกระทบต่อบรรยากาศในการใช้จ่ายของผู้บริโภค แต่จากการพูดคุยกับลูกค้ากลุ่มค้าปลีกในช่วงที่ผ่านมายังมีกลยุทธ์ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ เพื่อกระตุ้นยอดขายอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่ายอดขายของบริษัทเองยังคงมีทิศทางการเติบโตที่ดีได้
สำหรับภาพรวมในตลาดยุโรปคาดว่ายอดขายจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักต่อเนื่องจากปีก่อน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น รวมทั้งหลายประเทศเริ่มกลับมาเปิดประเทศและมีการจัดงานแสดงสินค้าแล้ว ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ไปร่วมงานแล้ว 2 งาน และได้การตอบรับค่อนข้างดี คาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะได้รับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่เข้ามาเพิ่ม ส่วนกรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน อาจกระทบต่อยอดขายกลุ่มประเทศดังกล่าวบ้าง
ด้านตลาดในประเทศสหรัฐ ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตได้ค่อนข้างดี ซึ่งในช่วงทีผ่านมามีข่าวการควบรวมกิจการของรายใหญ่ คือ Essilur ผู้ผลิตเลนส์ กับ Luxottica ผู้ผลิตกรอบแว่นตา ทำให้ตลาดมีความกังวลว่าอาจทำให้การแข่งขันราคาจะขึ้นกับผู้เล่นรายใดรายหนึ่งมากเกินไป จึงเริ่มมองหาผู้เล่นรายย่อยรายใหม่เข้ามากระจายความเสี่ยง คาดว่าบริษัทจะได้รับอานิสงส์ดังกล่าว โดยคำสั่งซื้อจะเร่งตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไป ดังนั้น บริษัทคาดยอดขายตลาดสหรัฐสำหรับปี 65 ไว้เติบโตไม่น้อยกว่า 17-20% จากปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาการขยายตลาดใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะเป็นการกระจายความเสี่ยงจากตลาดสหรัฐ และ ตลาดยุโรป โดยวางเป้าหมายที่ะเพิ่มสัดส่วนตลาดเอเชียขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของรายได้รวม โดยจะเน้นการบุกตลาดในเอเชียเป็นหลัก โดยเฉพาะในตลาดประเทศจีนและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ มีจำนวนประชากรมาก และมีกำลังซื้อค่อนข้างดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 65)
Tags: TOG, หุ้นไทย, อมลรัตน์ ประจักษ์ธรรม, ไทยออพติคอล กรุ๊ป