นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) บรรยายพิเศษเรื่อง “ยุทธศาสตร์ใหม่ เพื่อโอกาสใหม่” ในงานเสวนา “สู่โอกาสใหม่ Stronger Thailand” ว่า ส.อ.ท.เตรียมแผนสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคอุตสาหกรรมทั้ง 45 กลุ่ม 11 คลัสเตอร์ที่มีอยู่ให้สามารถอยู่รอดหากต้องเผชิญกับ 4 ปัจจัยสำคัญ (VUCA) คือ ความผันผวน, ความไม่แน่นอน, ความซ้ำซ้อน และความคลุมเครือ โดยยกระดับให้เป็น 4.0 จากปัจจุบันที่บางอุตสาหกรรมยังพัฒนาแค่ 2.0-2.5 ภายใต้นโยบาย One F.T.I. ซึ่งประกอบไปด้วย One Vision, One Goal และ OneTeam
“ช่วงวิกฤตโควิด-19 การส่งออกเป็นกลไกทางเศรษฐกิจเพียงตัวเดียวที่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งสินค้าส่งออกส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องเร่งพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายที่มีมากมายในขณะนี้” นายเกรียงไกร กล่าว
กรณีสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐชี้ให้เห็นถึงผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทำการค้ากับจีนและสหรัฐเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 1 และ 2 สลับกันตลอดเวลา แต่การค้ากับจีนนั้นเราขาดดุล แต่การค้ากับสหรัฐเราเกินดุล หลังเกิดปัญหาเราสามารถส่งออกสินค้าไปสหรัฐได้มากขึ้น แต่เกิดปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนที่ผลิตในจีน ดังนั้นจึงต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคอุตสาหกรรมเพื่อให้ประเทศเข้มแข็งกว่าเดิม
ขณะเดียวกัน ส.อ.ท.ยังกำหนดทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมในอนาคต ได้แก่ S-Curve, BCG และ Climate Change ซึ่งจะรองรับทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตที่มุ่งเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 65)
Tags: ภาคอุตสาหกรรม, ส.อ.ท., สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, เกรียงไกร เธียรนุกุล