TISCO คัด 9 หุ้นเด่น เป้าซื้อคืนนักลงทุนต่างชาติ

Stock market

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ (TISCO) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันนี้ (YTD) นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยกว่า 1.9 แสนล้านบาท แต่ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณบวกจากเม็ดเงินต่างประเทศไหลเข้า โดยนักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ 3 วันติดต่อกันตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค.-2 มิ.ย.63 รวมกว่า 8,900 ล้านบาท นับเป็นการซื้อสุทธิ 3 วันติดต่อกันครั้งแรกในรอบ 5 เดือน

จากการตรวจสอบเงินทุนต่างประเทศ (Foreign Funds Inflow) ที่ไหลเข้าตลาดหุ้นในภูมิภาคนี้มีทิศทางเป็นบวกเกือบทุกตลาดเหมือนประเทศไทย โดยในสัปดาห์นี้ (WTD) เม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าสุทธิแล้วกว่า 3,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นการไหลเข้าสูงสุดในรอบ 22 สัปดาห์ หรือประมาณ 6 เดือน โดยเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าตลาดหุ้นอินเดียมากที่สุด 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามด้วยตลาดหุ้นไต้หวัน และตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 178 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

ขณะที่ตลาดหุ้นอินโดนีเซียมีเม็ดเงินไหลเข้า 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลาดหุ้นไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า 110 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และตลาดหุ้นฟิลิปปินส์มีเม็ดเงินไหลเข้า 21 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีเพียงตลาดหุ้นมาเลเซียเท่านั้นที่มีเม็ดเงินไหลออก 86 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับสาเหตุที่เงินทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาซื้อหุ้นในภูมิภาคนี้อีกครั้ง มองว่าเป็นผลจากนักลงทุนคาดหวังการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและกำไรของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลัง จากการทยอยคลายล็อกดาวน์ ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และสภาพคล่องในระบบที่เพิ่มขึ้นมหาศาลจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของธนาคารกลางหลักในต่างประเทศ ทำให้นักลงทุนกลับมาแสวงหาการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น (Search for Yield)

“สัญญาณบวกเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าหุ้นทั่วภูมิภาค เป็นความเสี่ยงด้านบวก (Upside Risk) ต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น โดยจากการประเมินของบล.ทิสโก้พบว่า เม็ดเงินต่างชาติที่ไหลเข้า หรือไหลออก ทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะมีผลให้ดัชนีหุ้นไทยเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลง ราว 29 จุด เพราะฉะนั้นหากเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้ารอบนี้มีความต่อเนื่อง คาดจะผลักดันให้ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,390-1,400 จุดได้ไม่ยาก ซึ่งเป็นการปิดช่อง (GAP) ทางเทคนิคอีก 1 GAP”

“อย่างไรก็ดี ต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุนเพิ่มขึ้นอีก เพราะ บล.ทิสโก้มองว่าโอกาสการปรับขึ้นหลังจากนี้น่าจะมีจำกัดแล้ว จากระดับการประเมินมูลค่าหุ้นที่ตึงตัวมาก โดยระดับดัชนีปัจจุบันเริ่มเข้าใกล้เป้าหมายหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ บล.ทิสโก้ประเมินว่าจะดัชนีสิ้นปีจะอยู่ที่ 1,420 จุด และหากใช้วิธีคำนวณเป้าหมายโดย Bottom-up จะได้เป้าหมายดัชนีปลายปี 2563 ที่ 1,433 จุด” นายอภิชาติกล่าว

สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ มองควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

1. เป็นหุ้นขนาดใหญ่มีสภาพคล่องในการซื้อขายสูง ซึ่งเราจะให้ความสำคัญกับหุ้นที่อยู่ใน SET100 และ MSCI Global Standard Index

2. เป็นหุ้นที่ต่างชาติลดการถือครองลงในปีนี้ (Under-owed) เมื่อเทียบกับปลายปีที่แล้ว และที่สำคัญเพิ่งเริ่มมีสัญญาณบวกจากแรงซื้อต่างชาติเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญสัปดาห์นี้ และ

3. ระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไม่แพง โดยราคาหุ้นปัจจุบันยังมีโอกาสปรับขึ้นเมื่อเทียบกับมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐาน

จากการพิจารณาหุ้นตามเกณฑ์คุณสมบัติทั้งหมดข้างต้น มองหุ้นที่คาดว่าจะเป็นเป้าซื้อคืนของนักลงทุนต่างชาติ คือ

SET50 แนะนำ

  • ADVANC (คำแนะนำ “ซื้อ”, เป้าพื้นฐาน 208 บาท),
  • BDMS (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 25 บาท),
  • CPALL (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 86 บาท),
  • KBANK (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 118 บาท),
  • PTTGC (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 55 บาท),
  • SCB (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 96 บาท) 
  • SCC (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 372 บาท) 

SET100 แนะนำ

  • CK (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 23.8 บาท),
  • STEC (“ซื้อ”,เป้าพื้นฐาน 22 บาท)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 มิ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top