นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุมฉุกเฉินในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของจีนในบางด้านอยู่ในภาวะที่ย่ำแย่กว่าในปี 2563 ซึ่งเป็นปีที่โรคโควิด-19 เริ่มแพร่ระบาด พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเพิ่มความพยายามในการลดอัตราการว่างงานที่พุ่งขึ้นในขณะนี้
“สัญญาณบ่งชี้ทางเศรษฐกิจของจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยความยากลำบากในบางด้านนั้นรุนแรงกว่าที่เราเคยเผชิญในปี 2563” นายหลี่กล่าวในการประชุมฉุกเฉินร่วมกับตัวแทนของรัฐบาลท้องถิ่น, รัฐวิสาหกิจ และบริษัทด้านการเงิน โดยในปี 2563 นั้น เศรษฐกิจจีนขยายตัวเพียง 2.2%
นอกจากนี้ นายหลี่ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่จีนพยายามลดอัตราการว่างงานลง และทำให้เศรษฐกิจเติบโตในกรอบที่เหมาะสมในไตรมาส 2 ของปีนี้ หลังจากอัตราว่างงานในเดือนเม.ย.ของจีนพุ่งขึ้นแตะ 6.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2563 ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย.หดตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563
ถ้อยแถลงของนายหลี่ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นจีนร่วงลงช่วงเช้านี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ดิ่งลงสู่ระดับ 2.75% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า คำเตือนดังกล่าวสะท้อนถึงท่าทีของจีนที่ยอมรับว่า รัฐบาลอาจจะพลาดเป้าหมายการผลักดันตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ให้ขยายตัวที่ระดับ 5.5% ในปีนี้ เนื่องจากจีนยังคงต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า GDP ปี 2565 ของจีนจะขยายตัวเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ระดับ 5.5%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ค. 65)
Tags: GDP, จีน, หลี่ เค่อเฉียง, เศรษฐกิจจีน