น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบข้อเสนอหลักการกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ตามที่สำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (สำนักงาน ป.ย.ป.) เสนอ เพื่อเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ในการคุ้มครองผู้ใช้บริการแพลตฟอร์ม รวมถึงการกำหนดหน้าที่และขั้นตอนในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพ อันจะนำไปสู่การขับเคลื่อนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจดิจิทัลไทยให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ซึ่งข้อเสนอหลักการกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ประกอบด้วย 10 หลักการ ดังนี้
หลักการที่ 1 วัตถุประสงค์และขอบเขตของกฎหมาย ให้ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มอยู่ภายใต้การกำกับดูแลอย่างเหมาะสม ผู้ใช้บริการหรือผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองสิทธิในการใช้บริการแพลตฟอร์ม โดยกำหนดผู้ประกอบธุรกิจออกเป็น 5 กลุ่ม คือ 1)ผู้ให้บริการตัวกลาง 2)ผู้ให้บริการรับฝากข้อมูล 3)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม 4)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ และ 5)ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มที่มีอ้านาจควบคุม ส่วนผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับยกเว้นไม่อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เช่น ผู้ให้บริการที่มีขนาดเล็กที่มีจำนวนธุรกรรมน้อยกว่า 10,000 รายการต่อวัน เป็นต้น
หลักการที่ 2 หน้าที่พื้นฐานของผู้ประกอบธุรกิจทุกกลุ่ม กำหนดหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติตามหลักการของกฎหมาย
หลักการที่ 3 หน้าที่เพิ่มเติมของผู้ประกอบธุรกิจทุกกลุ่ม ยกเว้นผู้ให้บริการตัวกลาง กำหนดให้มีวิธีการหรือระบบที่สามารถรับแจ้งการกระทำความผิดหรือการใช้ข้อมูลที่ผิดกฎหมาย
หลักการที่ 4 หน้าที่เพิ่มเติมของผู้ประกอบธุรกิจกลุ่มที่เป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม และผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ กำหนดหน้าที่และมาตรการป้องกันการเกิดการกระทำผิด และความเสียหายขึ้นบนแพลตฟอร์อม
หลักการที่ 5 หน้าที่เพิ่มเติมของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขนาดใหญ่ กำหนดให้มีผู้เชี่ยวชาญภายนอกประเมินความเสี่ยงของระบบและความเสี่ยงอื่น ที่อาจเกิดขึ้นในการใช้บริการแพลตฟอร์ม
หลักการที่ 6 การรับรองผู้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด (Accreditation of Trusted Flagger) ให้หน่วยงานกำกับดูแล มีการรับสมัคร ตรวจสอบ และรับรองผู้แจ้งเบาะแสการกระทำความผิด
หลักการที่ 7 การกำกับดูแลสัญญาระหว่างผู้ให้บริการแพลตฟอร์มและผู้ใช้บริการ กำกับดูแลเนื้อหาสาระของสัญญา หรือข้อตกลง ซึ่งต้องสอดคล้องกับหลักการที่หน่วยงานกำกับดูแลประกาศกำหนด
หลักการที่ 8 หน้าที่และอำนาจของหน่วยงานกำกับดูแล กำหนดให้ สพธอ. เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลตามหลักการของกฎหมายนี้
หลักการที่ 9 ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดให้หน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลตามร่างกฎหมายนี้ มีหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานแก่หน่วยงานกำกับดูแลอื่นในการปฏิบัติตามกฎหมาย
หลักการที่ 10 การรักษาความเป็นธรรมในการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม ใช้แนวทางการกำกับเชิงการป้องกัน (Ex-ante Approach) โดยการกำหนดพฤติกรรมที่ควรทำและพฤติกรรมที่ห้ามทำ
ทั้งนี้ ที่ประชุม ครม. ได้มอบหมายให้สำนักงาน ป.ย.ป. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกันเป็นเจ้าภาพของร่างกฎหมาย และดำเนินการจัดรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากร่างกฎหมายนี้ แล้วนำเสนอ ครม.พิจารณา ก่อนส่งคณะกรรมการพัฒนากฎหมายจัดทำร่างกฎหมายต่อไป
“หากกฎหมายว่าด้วยเศรษฐกิจแพลตฟอร์มมีผลบังคับใช้ จะเป็นกฎหมายกลางในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ม อันจะทำให้ระบบการให้บริการ และการใช้บริการบนแพลตฟอร์มดิจิทัลมีความชัดเจน และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อันเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติในการยกระดับการแข่งขันในด้านสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ” น.ส.รัชดา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 65)
Tags: ประชุมครม., ผู้ประกอบธุรกิจ, มติคณะรัฐมนตรี, รัชดา ธนาดิเรก, เศรษฐกิจแพลตฟอร์ม, แพลตฟอร์ม