นักวิเคราะห์ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,635-1,645 จุด เพื่อรอติดตามรายงานการประชุมเฟดที่จะออกมาในช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่าจะยืนยันการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% หรือไม่ รวมถึงสถานการณ์ทางการค้า สหรัฐ-จีน หลังประธานาธิปดีสหรัฐกล่าวว่าอาจจะมีการลดภาษีนำเข้าเพื่อสะกัดเงินเฟ้อ
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า มองทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้านี้แกว่งตัวอยู่ในกรอบเพื่อรอติดตามรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะออกมาในช่วงกลางสัปดาห์นี้ว่ายังยืนยันที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% หรือไม่ หากยังยืนยันว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับดังกล่าวมีโอกาสที่ดัชนีจะลดลงมาหลุดระดับ 1,600 จุดอีกครั้ง หลังดัชนีปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังต้องติดตามสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างประเทศจีน และ สหรัฐ ว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป หลังจากที่นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าอาจจะมีการพิจารณาปรับลดภาษีดารนำเข้าเพื่อที่จะสกัดการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ
พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,635-1,645 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (23 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,880.24 จุด พุ่งขึ้น 618.34 จุด หรือ +1.98% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,973.75 จุด เพิ่มขึ้น 72.39 จุด หรือ +1.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,535.27 จุด เพิ่มขึ้น 180.66 จุด หรือ +1.59%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,005.43 จุด เพิ่มขึ้น 3.91 จุด หรือ +0.01%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 20,420.14 จุด ลดลง 49.92 จุด หรือ -0.24% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,149.06 จุด เพิ่มขึ้น 2.20 จุด หรือ +0.07%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 พ.ค.) ที่ระดับ 1,635.28 จุด เพิ่มขึ้น 12.33 จุด, +0.76%
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,041.96 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 พ.ค.65
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มิ.ย.(23 พ.ค.)เพิ่มขึ้น 1 เซนต์ หรือ 0.01% ปิดที่ 110.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 พ.ค.) อยู่ที่ 20.01 ดอลลาร์/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.17 แข็งค่าจากวานนี้ ให้กรอบ 34.05-34.30 จับตาทิศทาง Flow
– กบน.ตรึงดีเซล 32 บาท อีก 1 สัปดาห์ แม้คลังลดภาษีให้ 5 บาท ต้องนำมาลดภาระเงินกองทุนน้ำมัน หลังติดลบ 7.6 หมื่นล้าน ชี้เกาะติดราคาทุกวันเพื่อคงราคาดีเซลนานที่สุด คาดได้ข้อสรุป กู้เงินก้อนแรก 2 หมื่นล้าน พ.ค.นี้ “ออมสิน” ยืนยันพร้อมให้กู้
– ท่องเที่ยวรับสัญญาณบวกเปิดประเทศเต็มรูปแบบ 1 มิ.ย. ททท.ปรับคาดการณ์ใหม่ 5 เดือน โลว์ซีซั่น พ.ค.-ก.ย. ดึงต่างชาติเที่ยวไทย 5 แสนคนต่อเดือน ไฮซีซัน พุ่ง 1 ล้านคนต่อเดือน ดันยอดรวมปี 65 แตะเป้า 7-10 ล้านคน ฟื้นรายได้ 50% ด้าน “สธ.” ผนึก “คมนาคมท่องเที่ยวฯ” เปิดเวทีรับฟังความเห็นเอกชนท่องเที่ยวบริการ-ขนส่ง 16 มิ.ย. เร่งเครื่อง “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4” เพิ่ม 1 ล้านสิทธิใหม่ สตาร์ทไม่เกินกลาง มิ.ย.
– จบศึกเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. สมาชิกสภากรุงเทพ (ส.ก.) แต่เอฟเฟกต์สั่นสะเทือนการเมือง สนามใหญ่ เพิ่งเริ่มต้น โดยมีเวลาอย่างน้อยไม่ถึง 1 ปี ที่การเลือกตั้งใหญ่จะเกิดขึ้น อย่างแน่นอน เนื่องจากเทอมสภาจะครบ 4 ปี ในวันที่ 23 มี.ค. 2566 ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีทางเลือกคือ จะตัดสินใจยุบสภา หรืออยู่ครบเทอม เพราะไม่สามารถต่อยอดอำนาจออกไปอีกแล้ว
– ส.อ.ท.เผยผลิตรถยนต์ เม.ย. แตะ 1.17 แสนคัน เพิ่มขึ้น 12.87% ส่งผลให้ 4 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 5.97 แสนคัน เพิ่มขึ้น 4.85% คงเป้าหมาย ผลิตทั้งปี 1.8 ล้านคัน จับตาปัญหาชิ้นส่วน และชิปขาดแคลนใกล้ชิด หวังเปิดประเทศ มาตรการกระตุ้น ศก. รัฐฟื้นกำลังซื้อเพิ่ม ด้านรถยนต์ไฟฟ้าป้ายแดงยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
– สภาพัฒน์เผยหนี้ครัวเรือนไทยไตรมาส 4 ปี 64 ยังสูงถึง 14.58 ล้านล้านบาท จับตาความสามารถในการชำระหนี้ใกล้ชิด หลังฐานะการเงินเปราะบาง รายได้ไม่เพิ่ม ค่าครองชีพสูงขึ้น เผยสินเชื่อรถยนต์น่าห่วง หลังพบค้างชำระสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท ส่วนการจ้างงานไตรมาส 1/65 ดีขึ้นต่อเนื่อง ทั้งภาคเกษตร และนอกภาคเกษตร ยอดว่างงานเหลือ 6.1 แสนคน แต่ยังต้องจับตาเศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวน และผลกระทบสงคราม
– BEM (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 9.60 บาท รับปัจจัยบวกจาก รฟม. เตรียมเปิดซองสายสีส้ม คาดกลุ่ม BEM-CK เป็นตัวเก็งอันดับหนึ่ง จากความถนัดงานอุโมงค์และ Track Record ที่ดีในสายสีส้ม รายได้หลักของ BEM ฟื้นตัวต่อเนื่อง ล่าสุด 17 พ.ค. ผู้ใช้ทางด่วนอยู่ที่ 1.2 ล้านเที่ยว/วัน เทียบกับ เม.ย. เฉลี่ยที่ 9.8 แสน เที่ยว/วัน, ผู้โดยสาร รฟฟ. อยู่ที่ 2.8 แสนเที่ยว/วัน เทียบกับ เม.ย. เฉลี่ยที่ 1.8 แสนเที่ยว/วัน KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 2.68 พัน ลบ. และ 3.56 พัน ลบ. +166%YoY, +33%YoY ตามลำดับ
– CK (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/65 คาดเร่งตัวขึ้นทั้งจากธุรกิจรับเหมาฯตามความคืบหน้าของงาน ส่วนแบ่งกำไรและปันผลบริษัทร่วมๆที่ฟื้นตัว ระยะสั้นมี Catalyst บวกจากการขายซองประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้มปลายเดือนนี้ เรามองราคาหุ้น CK ถูกเกินไปมาก ปัจจุบันมีมูลค่าเท่ากับ BEM ที่ CK ถือหุ้นอยู่ราว 32% (Discount 20%) ซึ่งเสมือนได้ธุรกิจอื่นๆทั้งรับเหมาฯ CKP และ TTW ฟรี
– ERW (กรุงศรี) “ซื้อ” เป้าสูงสุด IAA Consensus 4.5 บาท ลุ้นครม. อนุมัติมาตรการเราเที่ยวด้วยกันส่วนต่อขยาย 1 ล้านสิทธ์ และ ทัวร์เที่ยวไทย คาดเป็นบวกต่อ ERW มากที่สุดเนื่องจากเป็นผู้ประกอบการโรงแรมที่มีสัดส่วนรายได้จากในประเทศคิดเป็น 90-95% ของรายได้รวม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ค. 65)
Tags: SET, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย