นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงว่า ในส่วนของ ธปท.เอง มีการดำเนินงานภายใต้กรอบนโยบายการเงิน รวมถึงการดูแลอัตราแลกเปลี่ยนอย่างยืดหยุ่น ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามเฟด
ทั้งนี้ การดำเนินนโยบายในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนั้น ธปท. จะพิจารณาจากปัจจัยในประเทศเป็นหลัก 3 ด้าน คือ 1.อัตราเงินเฟ้อ 2.เสถียรภาพระบบการเงิน และ 3.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ปัจจัยเรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็จะไม่ตัดทิ้ง ยังคงติดตามอย่างใกล้ชิด
ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า การที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น ทำให้ ธปท. จำเป็นต้องจับตาใน 2 ประเด็น คือ การเคลื่อนย้ายเงินทุน และเสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทย แต่ในขณะนี้ในภาพรวมของเงินทุนเคลื่อนย้ายยังไม่พบความผิดปกติหรือน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด ขณะที่เสถียรภาพด้านต่างประเทศของไทยยังมีความเข้มแข็ง เพราะหนี้ต่างประเทศไม่สูงมาก อีกทั้งเงินทุนสำรองระหว่างประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง
สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทในขณะนี้ ยังมีความผันผวนสูง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยเฉพาะจากทิศทางของเงินดอลลาร์สหรัฐ และเงินหยวนของจีน โดยตั้งแต่ต้นปี เงินบาทอ่อนค่าลงไป 3% แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับคู่แข่ง และยังเป็นทิศทางเดียวกับสกุลเงินในภูมิภาค ซึ่งความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนนี้อาจจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนยังอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนสถานการณ์คริปโทเคอร์เรนซีที่ถูกมองว่าอยู่ในช่วงขาลงนั้น นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า สถานการณ์ดังกล่าวได้สะท้อนในสิ่งที่ ธปท.มีความกังวลมาโดยตลอด และยังคงยืนยันว่าคริปโทเคอร์เรนซี่ไม่เหมาะที่จะนำมาเป็นสื่อกลางในการใช้แลกเปลี่ยนชำระค่าสินค้าและบริการ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ซึ่งจากสถานการณ์ในปัจจบุนนักลงทุนคงได้เห็นและพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 65)
Tags: ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธปท., อัตราดอกเบี้ยนโยบาย, เฟด, เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ