นายสนธิรัตน์ สนธิจริวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานกำหนดให้ผู้ประกอบการปาล์มน้ำมันและเกษตรทั้งหมด เข้าสู่ระบบการซื้อขายปาล์มน้ำมันด้วย Blockchain หรือ ระบบโครงข่ายในการเก็บบัญชีธุรกรรมออนไลน์ ภายในปี 63 เพื่อดูแลราคาปาล์มทั้งระบบ และสกัดกั้นกลไกของพ่อค้าคนกลาง รวมถึงป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ (CPO)
กระทรวงจะเริ่มทดลองโครงการซื้อขายปาล์มน้ำมันผ่านระบบ Blockchain ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยจะร่วมกับผู้ประกอบการโรงงานไบโอดีเซล (B100),โรงสกัด, ผู้ค้าน้ำมันและเกษตรกร ซึ่งผู้ประกอบการ B100 จะคัดเลือกโรงงานที่มีความพร้อมก่อนมาร่วมโครงการ โดยเฉพาะโรงงาน B100 ที่มีโรงสกัดน้ำมันปาล์มเป็นของตัวเอง โดยคาดว่าจะใช้เวลาทดสอบ 1 เดือน ก่อนขยายผลไปสู่ห่วงโซ่ปาล์มน้ำมันทั้งระบบ และในวันพรุ่งนี้ (29 พ.ค.) ก็จะหารือกับบมจ.ปตท. (PTT) เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่การทดลองระบบด้วย
ทั้งนี้ Blockchain การซื้อขายปาล์มทั้งระบบครั้งนี้ ได้รับการพัฒนามาจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) โดยการกำหนดราคาซื้อขายจะยึดที่ CPO เป็นตัวตั้ง และจะสอดคล้องกับราคา B100 รวมถึงราคาปาล์มทะลายที่เกษตรกรจะได้รับราคาที่มีเหตุผลมากขึ้น โดยกรมธุรกิจพลังงานจะเป็นผู้กำหนดราคา CPO ซึ่งพิจารณาจากราคาที่ยังทำให้กลไกราคาตลาดเดินต่อไปได้
สำหรับการให้ผู้ค้าปาล์มทั้งระบบเข้าสู่ระบบ Blockchain นั้นไม่ได้เป็นการบังคับตามกฎหมาย แต่จะใช้วิธีขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ซื้อน้ำมัน B100 จากผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ Blockchain เท่านั้น
ด้านนายศาณินทร์ ตริยานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย กล่าวว่า การนำระบบ Blockchain มาใช้ควบคุมการซื้อขายปาล์มน้ำมันทั้งระบบนั้น ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างรอดูผลการทดสอบของภาครัฐว่ามีความพร้อมมากน้อยเพียงใด และข้อมูลที่ได้จะเป็นจริงเพียงใด เนื่องจากในต่างประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย ผู้ผลิตปาล์มรายใหญ่ของโลกยังไม่มีการใช้ Blockchain ซื้อขายปาล์มน้ำมันแต่มีการเก็บข้อมูลระบบการซื้อขายทั้งระบบไว้แล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 63)
Tags: B100, Blockchain, บล็อกเชน, ปาล์มน้ำมัน, พลังงาน, ส.อ.ท., สนธิรัตน์ สนธิจริวงศ์, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ไบโอดีเซล