กระทรวงการคลัง ระบุว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้ออกประกาศ เรื่อง การขออนุญาตให้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย และที่แก้ไขเพิ่มเติมนั้น ขอเรียนว่า การพิจารณาให้นิติบุคคลต่างประเทศสามารถออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทยในแต่ละครั้ง กระทรวงการคลังได้พิจารณาถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ต่อตลาดการเงินและตลาดตราสารหนี้ไทยในภาพรวม อาทิ
1. ด้านเสถียรภาพของตลาดการเงินในประเทศ
2. ด้านผลกระทบต่อการออกหุ้นกู้ของภาคเอกชนไทย
3. ด้านการส่งเสริมให้นักลงทุนในประเทศมีตราสารหนี้ที่มีคุณภาพให้ลงทุน
4. ด้านการพัฒนาตลาดพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท
ในรอบการพิจารณาอนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย รอบอนุญาตที่ 2/2565 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 65-31 ม.ค. 66 กระทรวงการคลังได้อนุญาตให้นิติบุคคลต่างประเทศ จำนวน 3 ราย ได้แก่
1. Hattha Bank Plc.
2. บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด (Xayaburi Power Company Limited: XPCL)
3. บริษัท ผลิต-ไฟฟ้าลาว (มหาชน) (EDL Generation Public Company: EDL-Gen)
ทั้งนี้ ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ได้ภายในวันที่ 31 ม.ค. 66 โดยมีเงื่อนไขให้ใช้เงินที่ได้รับจากการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาท ได้ตามที่กระทรวงการคลังกำหนด
อย่างไรก็ดี กระทรวงการคลังขอสงวนสิทธิ์ในการระงับการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย ในกรณีที่สถานภาพ สถานะการเงิน หรือการอื่นใดที่เกี่ยวข้องของผู้ได้รับอนุญาตมีการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินอย่างมีนัยสำคัญ หรือเมื่อผู้ได้รับอนุญาตมีการดำเนินการไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาต
“ขอขอบคุณผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกราย ที่ให้ความสนใจในการออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้สกุลเงินบาทในประเทศไทย สำหรับผู้มีความประสงค์จะขออนุญาตในรอบถัดไป สามารถยื่นหนังสือแสดงความจำนงได้ปีละ 3 ครั้ง ในเดือนมี.ค. ก.ค. และพ.ย. ของทุกปี”
กระทรวงการคลัง ระบุ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 65)
Tags: กระทรวงการคลัง, หุ้นกู้, เงินบาท, เศรษฐกิจไทย