CEN เผยบ.ย่อยจ่อสรุปศึกษาลงทุนธุรกิจดิจิทัลเน้นสร้างรายได้เร็ว-กำไรต่อเนื่อง

นายเชิดศักดิ์ กู้เกียรตินันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แคปปิทอล เอ็นจิเนียริ่ง เน็ตเวิร์ค (CEN) กล่าวว่า บริษัทได้จัดตั้งบริษัทลูกคือ บริษัท แคปปิทอล ดิจิทัล เน็ตเวิร์ค จำกัด (CDN) โดยเน้นการลงทุนในธุรกิจดิจิทอลและบริการผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโต รอบใหม่ โดยฉีกแนวจากกลุ่มธุรกิจเดิมที่ลงทุนอยู่ เช่น พืชเศรษฐกิจ ธุรกิจกลุ่มสุขภาพ หรือธุรกิจเทคโนโลยีที่ตลาดให้มูลค่า

ทั้งนี้ CDN อยู่ระหว่างการศึกษาหลายโครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ โดยเน้นการลงทุนสร้างรายได้เร็วและได้กำไรอย่างต่อเนื่อง ใช้กลยุทธ์กระจายการลงทุนและกระจายความเสี่ยง รวมถึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และสร้างผลประกอบการที่ดีในระยะยาวอย่างยั่งยืน

สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 65 ของ CEN ยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถรักษาการเติบโตของกลุ่มธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อน เนื่องจากมีปัจจัยหนุนจากการเริ่มฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจทั้งไทยและฟิลิปปินส์

บมจ.สกาย ทาวเวอร์ (STOWER) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้รับสัญญาเพิ่มเติมจากผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือที่ประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะส่งมอบแล้วเสร็จในปี 65 จำนวน 240 เสาโทรคมนาคมทำให้รับรู้รายได้ระยะยาวกว่า 20 ปี และ STOWER ได้มีการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในบริษัท QROI Network Service Inc. (QNSI) ประเทศฟิลิปปินส์ ดำเนินธุรกิจให้บริการติดตั้ง ระบบอุปกรณ์โครงข่ายมือถือบนเสาสัญญาณให้กับบริษัทชั้นนำ Huawei and Ericsson โดยมีผลประกอบเป็นบวกต่อเนื่อง โดยเข้าลงทุนในสัดส่วน 67% และเริ่มรับรู้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/65 ถือว่าเป็นการเสริมสร้างรายได้และการให้บริการเพื่อครอบคลุมและครบวงจรธุรกิจเสาโทรคมนาคมของ STOWER

ส่วน บมจ.ระยองไวร์ อินดัสตรีส์ (RWI) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งบริษัทย่อย สร้างรายได้เติบโตกว่าปีก่อน จากความต้องการสินค้าของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น และราคาขายลวดเหล็กที่ปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ต้นปี และผู้ถือหุ้น RWI มีมติอนุมัติการจ่ายปันผลและให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 2 หุ้นสามัญต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ RWI-W3 ส่งผลให้ CEN มีสินทรัพย์เพิ่มมากขึ้น

นายเชิดศักดิ์ ยังกล่าวในฐานะ กรรมการผู้จัดการ RWI ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ RWI ในปี 65 คาดว่ารายได้จะเติบโตจากปีก่อน 10-15% เน้นการขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้า ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 10% เมื่อรวมกับราคาขายปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้ยอดขายของ RWI สูงขึ้น และจากการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิค-19 ทำให้การก่อสร้างต่างๆ เริ่มขยับขยายตัวเพิ่มมากขึ้น เชื่อมั่นว่าเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ RWI ไปถึงเป้าหมายได้เร็ว

นอกจากแผนเน้นการขยายตลาดเพิ่มฐานลูกค้าและสร้างผลิตภัณฑ์ บริษัทยังใช้กลยุทธ์การปรับลด ควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย การบริหารจัดการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพ และควบคุมคุณภาพการผลิตให้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งบริษัทยังมองหาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิมหรือธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจได้ว่า RWI จะสามารถสร้างผลการดำเนินงานที่ดีได้อย่างต่อเนื่องและตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างสม่ำเสมอ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top