นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในรูปแบบออนไลน์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ รัฐเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ และตัวแทนภาคเอกชน
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ประเทศไทยและอินเดีย มีความผูกพันเชื่อมโยงกันอย่างแนบแน่นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าด้านประวัติศาสตร์ ศาสนา วรรณกรรม วัฒนธรรมและธรรมเนียมปฏิบัติ รวมถึงด้านเศรษฐกิจ โดยประเทศอินเดียเป็นหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญของไทย ด้วยขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักร และจำนวนประชากรกว่า 1,300 ล้านคน
อินเดียเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ขณะที่ไทยเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของอินเดียในภูมิภาคอาเซียน โดยในปี 64 การค้าระหว่างไทยและอินเดียมีมูลค่า 14,940 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 474,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.52% จากปีก่อน
“เชื่ออย่างยิ่งว่า ความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและอินเดีย ยังคงมีศักยภาพ และโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกมาก ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น”
รมว.พาณิชย์ กล่าว
รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ก่อนที่จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้นำคณะผู้แทนการค้าของไทยเยือนอินเดียรวม 2 ที่ เมืองมุมไบและเมืองเจนไน และครั้งที่ 2 ที่เมืองเบงการูลู และเมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ทั้งนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างและพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เชิงเศรษฐกิจ ระหว่างไทยและอินเดียมาก
การขยายความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับรัฐบาลระดับรัฐ มณฑล หรือเมืองรองของประเทศคู่ค้า โดยทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งหวังให้เกิดการอำนวยความสะดวกด้านการค้า และการลงทุนระหว่างไทยและรัฐเตลังคานา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การให้สิทธิxระโยชน์ด้านการลงทุนต่าง ๆ กรณีนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรม เป้าหมายของรัฐเตลังคานา อาทิ การแปรรูปอาหาร เฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น
การแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพผ่านศูนย์บ่มเพาะธุรกิจและระบบนิเวศด้านนวัตกรรม เพื่อการพัฒนาสตาร์ทอัพของรัฐเตลังคานา ที่มีชื่อว่า “T-Hub” ซึ่งจะเป็นโอกาสอันดีของไทยในการเรียนรู้ เพื่อนำมาพัฒนาศักยภาพของ สตาร์ทอัพไทยให้เติบโตและแข่งขันในระดับสากลตลอดจนการเชื่อมโยงแพลตฟอร์มดิจิทัล “Thaitrade.com” ของไทยเข้ากับ Telangana State GlobalLinker”ของรัฐเตลังคานา เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจของแต่ละฝ่ายได้มากยิ่งขึ้น
“การลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ ถือเป็นการลงนามครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับรัฐบาลระดับรัฐของอินเดียเป็นครั้งแรก ขณะนี้กำลังมีการจัดโครงการส่งเสริม การจำหน่ายสินค้าไทยร่วมกับซูเปอร์มาร์เก็ตรีไลแอนซ์ ที่เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา รวม 17 สาขา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการประเดิมการดำเนินความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ นอกจากนี้ การ MOU ในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมพิเศษเพื่อร่วมเฉลิมฉลองวาระสำคัญแห่งการครบรอบ 75 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อินเดียในปีนี้ด้วย”
รมว.พาณิชย์ กล่าว
ด้าน นายคาลวากุลท์ลา ทารากา รามา เรา รัฐมนตรีบริหารเทศกิจพัฒนาชุมชนเมืองอุตสาหกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศและพาณิชย์ (KTR) รัฐเตลังคานา ผู้แทนรัฐบาลเตลังคานา สาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า ยังคงจำเหตุการณ์เมื่อ 2 ปีที่แล้วได้ รัฐเตลังคานาได้รับเกียรติจากการเดินทางเยือนอย่างเป็นทางการของรมว.พาณิชย์ ก่อนที่จะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
“ในช่วงการเดินทางเยือนเมืองไฮเดอราบัดเมื่อเดือนม.ค. 63 รมว.พาณิชย์ และตนได้หารือร่วมกันอย่างบังเกิดผลสำเร็จ ถึงแนวทางที่เป็นไปได้ในการขยายความร่วมมือและการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและรัฐเตลังคานา ตนมีความดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ในที่สุด พวกเราได้เดินทางมาถึงวันนี้ที่การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้”
ผู้แทนรัฐบาลเตลังคานา กล่าว
ทั้งนี้ สามารถยืนยันได้ว่า ความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ครอบคลุมแทบทุกสาขา นับตั้งแต่การลงทุนจนถึงแพลตพอร์มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะมีส่วนต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของบริษัทไทยที่วางแผนเข้ามาลงทุนในรัฐเตลังคานา
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่เสนอให้โดยรัฐเตลังคานา อาทิ การอำนวยความสะดวกให้ได้รับอนุมัติจัดตั้งธุรกิจในรัฐเตลังคานาอย่างรวดเร็ว รวมถึงความช่วยเหลือในการจัดหาแรงงานและการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับภาคอุตสาหกรรมการผลิตและการบริการ
“ในนามของรัฐบาลเตลังคานา มีความเชื่อมั่นว่าบันทึกความเข้าใจฉบับนี้จะเป็นแรงผลักดัน สำหรับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนระหว่างทั้งสองรัฐบาลในอนาคต อันจะนำมาซึ่งการขยายตัวอย่างยั่งยืนของการค้าทวิภาคีระหว่างประเทศอันเป็นที่รักของเราทั้งสองประเทศในระยะยาวสืบไป”
ผู้แทนรัฐบาลเตลังคานา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 เม.ย. 65)
Tags: FTA, กระทรวงพาณิชย์, การค้าเสรี, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, อินเดีย