นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป (RATCH) เปิดเผยว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นจากผลกระทบสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน เนื่องจากกลุ่มโรงไฟฟ้ามีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ส่วนใหญ่ที่สามารถส่งผ่านค่าเชื้อเพลิงรวมอยู่ในค่าพลังงานไฟฟ้า (Energy Payment) ไปยังผู้รับซื้อไฟฟ้าได้ ขณะที่สัดส่วนลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ที่ไม่สามารถส่งผ่านค่าเชื้อเพลิงฯได้มีเพียง 1.6% หรือคิดเป็นราว 430 เมกะวัตต์เท่านั้น
ดังนั้น บริษัทจึงยังมั่นใจว่ารายได้ในปี 65 จะเติบโตกว่าปี 64 ที่ทำได้ 38,213.22 ล้านบาท เนื่องจากยังมีโครงการที่เตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในปีนี้จำนวน 6 โครงการ กำลังการผลิต 1,290.69 เมกะวัตต์ ได้แก่
– โรงไฟฟ้าสหโคเจนชลบุรี และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในกลุ่ม รวมกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 124.95 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51.67%) เริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการตั้งแต่เดือน ม.ค.65
– โรงไฟฟ้าพลังความร้อนไพตัน ในอินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 930.78 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 45.52%) โดยจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรภายหลังธุรกรรมการซื้อหุ้นเสร็จสมบูรณ์ประมาณเดือน มิ.ย.65
– โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเรียว ในอินโดนีเซีย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 145.15 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) เริ่มรับรู้รายได้ส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่เดือนก.พ.65
– โรงไฟฟ้าพลังงานลมอีโค่วิน เวียดนาม กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 15.16 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 51%) คาดจะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรตั้งแต่เดือนมิ.ย.นี้
– โรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่นส่นวขยาย กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 31.19 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 99.97%) คาดเริ่มรับรู้รายได้การขายไฟฟ้าและไอน้ำและการให้บริการตั้งแต่เดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป
– โรงไฟฟ้าเน็กส์ซิฟ ราช ระยอง กำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้น 45.08 เมกะวัตต์ (บริษัทฯ ถือหุ้น 49%) จะเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนแบ่งกำไรในเดือนเม.ย.65
นอกจากนี้ ยังมีโครงการลงทุนของบริษัทที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ประกอบด้วย โครงการรถไฟฟ้า MRT สายสีชมพู สายสีเหลือง โดยทั้งสองโครงการจะเริ่มเปิดให้บริการในเดือน ส.ค.นี้เป็นต้นไป, โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หรือมอเตอร์เวย์ หมายเลข M6 M81 คาดว่าจะ COD ได้ในปี 67
และล่าสุด การจับมือกับบมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เพื่อลงทุนในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สกลนคร ซึ่ง RATCH ลงทุนโดยตรง 25% และลงทุนผ่าน PRINC อีก 10% ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะเปิดให้บริการและเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในเดือน ก.พ.66
บริษัทยังคงงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้ในธุรกิจผลิตไฟฟ้า 93% โดยได้มีการลงนามสัญญาฯ ไปแล้ว (In Pipeline) มูลค่า 1,500 ล้านบาท ที่เหลือจะเป็นโครงการใหม่อีก 26,500 ล้านบาท และธุรกิจนอกภาคผลิตไฟฟ้า 7% โดย In Pipeline อยู่ที่ 600 ล้านบาท และโครงการใหม่ประมาณ 1,400 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 65)
Tags: RATCH, ชูศรี เกียรติขจรกุล, ยูเครน, รัสเซีย, ราช กรุ๊ป