บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนและเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2563-2566) โดยจะทบทวนแผนการพัฒนาในทุกโครงการ โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development)
ประกอบด้วย การพัฒนาโครงการศูนย์การค้าใหม่ การปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่ในปัจจุบันเพื่อเพิ่มมูลค่า โครงการที่พักอาศัย โครงการโรงแรมและอาคารสำนักงาน ทั้งส่วนที่ประกาศแผนการพัฒนาแล้วและส่วนที่ยังไม่ได้ประกาศ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการฐานะการเงิน รักษากระแสเงินสดและสภาพคล่องให้เพียงพอต่อการรองรับการดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ท้าทายจากการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาพรวมและอุตสาหกรรมที่บริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เบื้องต้น บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนแผนการลงทุน 4 โครงการ ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา เซ็นทรัล ศรีราชา เซ็นทรัล จันทบุรี และโครงการดุสิต เซ็นทรัลพาร์ค ซึ่งอยู่ระหว่างรื้อถอนโครงการเดิม โดยมีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 66-67
อย่างไรก็ดี บริษัทยังเชื่อมั่นในกลยุทธ์การเติบโตด้วยวิสัยทัศน์ “Center of Life” โดยเชื่อว่าธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ ยังเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิตที่มอบความสุขและสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา รวมทั้งเป็นสถานที่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตของทุกคนในแต่ละชุมชน โดยได้มีการศึกษาแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการโครงการต่างๆ เพื่อตอบรับพฤติกรรมลูกค้าและแนวทางการดำเนินธุรกิจของร้านค้าที่เปลี่ยนไปสู่ (New Normal) ได้อย่างสมบูรณ์
นอกจากนี้ บริษัทได้ศึกษาโอกาสเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในสินทรัพย์และธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูง และให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดี รวมทั้งศึกษาโอกาสการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในประเทศที่มีโอกาสและศักยภาพในการเติบโต อาทิ มาเลเซีย และเวียดนาม รวมถึงศึกษาโอกาสการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูงเพื่อขยายช่องทางในการสร้างรายได้ใหม่และสอดคล้องกับแผนการเติบโตตามเป้ำหมายในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 63 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ที่ยังมีความไม่แน่นอนและจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทในหลากหลายมิตินั้น บริษัทได้กำหนดแนวทางปฏิบัติทำงธุรกิจให้มีมาตรฐานความสะอาดและความปลอดภัยสูงสุด เป็นไปตามมาตรฐานระดับสากลและสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของภาครัฐ
แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะคลี่คลายลง โดยธุรกิจศูนย์การค้าที่เป็นธุรกิจหลักจะสามารถเปิดดำเนินการได้อีกครั้งตามประกาศของภาครัฐ แต่บริษัทคาดว่าผู้ประกอบการในศูนย์การค้าจะมีระยะเวลาการฟื้นฟูกิจการที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่อาจต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัวนาน ส่งผลให้แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทอาจจะยังไม่ฟื้นตัวมาสู่ระดับปกติได้ภายในปีนี้
อย่างไรก็ดี บริษัทยังคงติดตำมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และยินดีให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการในศูนย์การค้าทุกรำยในการฝ่าฟันความท้าทายครั้งนี้ได้ในที่สุด รวมทั้งเดินหน้าแผนลดต้นทุนและค่ำใช้จ่ายกำรดำเนินงานต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้ และรักษาความสามารถการทำกำไรอย่างสุดความสามารถ
CPN แจ้งเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 15 พ.ค.อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรของบริษัท ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท โดยลดลงจากอัตราเดิมที่กำหนดจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.30 บาท เนื่องจากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปิดให้บริการศูนย์การค้าทุกแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นการชั่วคราวรวมระยะเวลาประมาณ 2 เดือนจนถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อรายได้และผลการดำเนินงานของบริษัท
ขณะที่สถานการณ์ยังคงมีความผันผวนไม่แน่นอน และยังไม่ทราบว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด ซึ่งบริษัทต้องติดตามสถานการณ์และผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิดทั้งในปัจจุบันและภายหลังจากศูนย์การค้าสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทคำนึงถึงความมั่นคงทางการเงินและความต่อเนื่องในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในระยะยาว
ดังนั้น เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องและกระแสเงินสดให้เพียงพอในภาวะซึ่งปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจมีความผันผวนไม่แน่นอนและลดความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจ โดยตระหนักถึงประโยชน์ของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายและประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในระยะยาวเป็นสำคัญจึงได้ลดอัตราการจ่ายปันผลดังกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 40,000 ล้านบาท และวงเงินออกและเสนอขายตั๋วเงินระยะสั้น และ/หรือหุ้นกู้ระยะสั้น จำนวนไม่เกิน 15,000 ล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ค. 63)
Tags: CPN, สภาพคล่อง, หุ้นไทย, เซ็นทรัล, เซ็นทรัลพัฒนา, แผนลงทุน