นางสาวรุ่งฟ้า ลาภยืนยง ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและงบประมาณ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ารายได้ปี 63 ที่ระดับ 6,700 ล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อน จากการรับรู้โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิตรวม 290 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มในไทยทั้ง 36 แห่ง กำลังการผลิตรวม 260 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม Tottori Yonago ในญี่ปุ่นอีก 30 เมกะวัตต์ พร้อมตั้งเป้าเพิ่มการผลิตไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มรวมแตะที่ระดับ 390 ล้านหน่วย
ขณะเดียวกันคาดว่าสัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากธุรกิจโซลาร์รูฟเพิ่มขึ้นจากปีก่อน จากบริษัทมีแผนขยายฐานธุรกิจในรูปแบบ Private PPA มากขึ้น หลังจากที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงการโซลาร์รูฟร่วมกับบริษัท มิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ลิส แอนด์ ไฟแนนซ์ จำกัด (MUL) ไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์ม Ukujima ในญี่ปุ่น ขนาดกำลังการผลิตรวม 480 เมกะวัตต์ คาดว่าจะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในเดือนก.ค.66 มีสัญญาการซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in Tariff (FiT) ที่ 40 เยน/หน่วย โดยบริษัทเข้าถือหุ้น 17.92% ใช้งบลงทุนรวมราว 9,000 ล้านเยน (หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท) มีการชำระทุนครั้งแรกไปแล้วในเดือนมี.ค.63 ที่ผ่านมาราว 1,420 ล้านเยน และจะชำระทุนครั้งที่สองในช่วงเดือนพ.ค.63 นี้อีกราว 1,924 ล้านเยน
นอกจากนี้บริษัทยังมีการศึกษาการลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มในหลาย ๆ โครงการ ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งหากมีโอกาสในการลงทุนชัดเจน จะมีการประกาศให้ทราบต่อไป
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายและให้บริการที่ 1,454.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.2% จากไตรมาสก่อน และ 8.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ทรงตัวที่ระดับ 69% หรือราว 1,005.5 ล้านบาท และอัตรากำไรสุทธิทรงตัวที่ 58% หรือราว 837.8 ล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 63)
Tags: SPCG, รุ่งฟ้า ลาภยืนยง, หุ้นไทย, เอสพีซีจี, โซลาร์ฟาร์ม, โรงไฟฟ้า