ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังคงพุ่งสูงขึ้นและมีแนวโน้มดีดตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักวิเคราะห์ด้านพลังงานคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะไต่ถึงระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลแน่นอน โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนด์จะพุ่งทะลุ 125 ดอลลาร์/บาร์เรล หรืออาจสูงกว่านั้น
ในช่วงเดือนธ.ค.-ม.ค.ที่ผ่านมา สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) เพิ่มขึ้นประมาณ 11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากความกังวลด้านอุปทาน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และความตึงเครียดทางการเมือง
นายจอห์น ดริสโคลล์ ผู้อำนวยการเจทีดี เอเนอร์ยี่ เซอร์วิส (JTD Energy Services) บริษัทวิเคราะห์ด้านพลังงานให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “เนื่องจากธุรกิจน้ำมันลงทุนด้านการสำรวจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้น้ำมันที่เรามีอยู่ลดน้อยลง และตลาดเผชิญภาวะขาดแคลนอุปทาน จึงมีแนวโน้มที่เราอาจเห็นราคาน้ำมันพุ่งแตะระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล หรืออาจจะสูงถึง 150 ดอลลาร์”
นอกจากนี้ สถานการณ์ตึงเครียดที่หลายฝ่ายวิตกว่ารัสเซียอาจบุกยูเครนนั้น ยังทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น แม้ว่าการที่รัสเซียจะถอนกำลังบางส่วนออกจากพื้นที่ชายแดนติดกับยูเครนไปเมื่อวันอังคาร (15 ก.พ.) จะทำให้ราคาน้ำมันดิบลดลงประมาณ 3% จากเมื่อวันจันทร์ก็ตาม
ปัจจัยดังกล่าวไม่ใช่สัญญาณเดียวที่ทำให้ราคาน้ำมันจะยังอยู่ในช่วงขาขึ้นต่อเนื่อง และดึงดูดเม็ดเงินไหลเข้าสู่การลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมัน ซึ่งทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทน้ำมันข้ามชาติ
นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐที่แตะระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปีเนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกนั้น ยังส่งผลกระทบต่อราคาก๊าซ และเพิ่มภาระต้นทุนให้กับบริษัทขุดเจาะน้ำมันไปในตัว โดยเฉพาะการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานในสหรัฐ บริษัทสำรวจแหล่งน้ำมันจึงต้องผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้ผลิต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.พ. 65)
Tags: lifestyle, ราคาน้ำมัน, เจทีดี เอเนอร์ยี่ เซอร์วิส