นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทสามารถสร้างยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆในเดือนเม.ย. 63 ได้สูงถึง 6.3 พันล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดขายที่สูงกว่าระดับปกติที่เคยทำได้ในระยะเวลาหนึ่งเดือน รวมทั้งยังโตสวนสภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงในสถานการณ์ที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด–19
จากการประเมินความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการความเชื่อมั่นในแบรนด์แสนสิริ ที่เป็น “แบรนด์อันดับหนึ่งของคนอยากมีบ้าน”จากการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง รวมทั้งการการส่งมอบแคมเปญที่เข้าใจใน Customer Insight จากสถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ที่กลุ่มลูกค้ายังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง
ขณะที่มีการตัดสินใจที่มากขึ้น จากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต บริษัทจึงได้มอบแคมเปญที่สามารถตอบรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดด้วยแคมเปญ “แสนสิริผ่อนให้ 24 เดือน” ส่งผลให้ลูกค้าให้การตอบรับสูงและรวดเร็ว จากการจองซื้อที่อยู่อาศัยแล้ว ไม่ต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอกเป็นเวลา 2 ปี ลูกค้านำเงินไปใช้จ่ายอย่างอื่นตามต้องการได้ ไม่ต้องกังวลกับสภาพเศรษฐกิจ ที่โครงการบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮมพร้อมอยู่จากแสนสิริ วันนี้ – 30 มิ.ย. 63 ส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจทันที
นอกเหนือจากแบรนด์และแคมเปญที่ตอบโจทย์ ปัจจัยหลักยังมาจากกลยุทธ์ความแข็งแกร่งของแสนสิริ ในการมุ่งมั่นพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ รวมถึงการบริการ หรือ Sansiri Service ในการมอบบริการที่ดีที่สุดทั้งก่อนและหลังการขาย รวมไปถึง LIV-24 ที่ดูแลความปลอดภัยส่งตรงจากศูนย์ควบคุมแบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมงมาตรฐานแสนสิริ พร้อมเจ้าหน้าที่พร้อมดูแลทุกจุดในโครงการ พร้อมพริวิเล็จมากมายจากแสนสิริ แฟมิลี่
โดยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-เ.ม.ย. 63) บริษัทสามารถทำยอดขายรวมได้ 1.73 หมื่นล้านบาท เข้าใกล้เป้าหมายยอดขายครึ่งปีแรกที่ตั้งไว้ 2.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เติบโตขึ้นกว่า 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสวนกระแสตลาดที่หดตัว พร้อมยังรักษาความเป็นผู้นำ ด้วยการทยอยปิดการขายโครงการที่อยู่อาศัยต่างๆอย่างต่อเนื่องทั้งแนวราบและแนวสูง
โดยในช่วงที่ผ่านมาบริษัทสามารถปิดการขายโครงการบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ โครงการสราญสิริ ติวานนท์–แจ้งวัฒนะ, โครงการนาราสิริ โทเพียรี่, โครงการนาราสิริ พุทธมณฑล สาย 1, โครงการนาราสิริ บางนา, โครงการสราญสิริ เกาะแก้ว และบุราสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต เป็นต้น
รวมถึงสามารถปิดการขาย “ไทเกอร์ เลน” ลักซ์ชัวรีโฮมออฟฟิศ บนที่สุดของทำเลทอง ไพร์มโลเคชันตำแหน่งฮวงจุ้ยท้องมังกร ที่หายากใจกลางย่านเสือป่า เยาวราช ส่วนคอนโดมิเนียมได้การปิดการขาย 2 คอนโดมิเนียม คือ ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต และ เดอะ เบส เพชรเกษม รวมถึงล่าสุดบริษัทยังได้ปิดการขายไปอีก 7 โครงการต่อเนื่อง ทั้งแนวราบและแนวสูง จากกลุ่มลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์แสนสิริ
ทั้งนี้บริษัทได้เพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าซื้อบ้านได้สะดวกที่สุด ในช่วงล็อคดาวน์ โดยทุ่มทำ Digital Marketing พร้อม Virtual Sales Gallery ดูบ้านตัวอย่างได้ทาง YouTube โดยลูกค้าสามารถ chat ผ่าน Line และ Facebook เพื่อคุยกับเจ้าหน้าที่ และซื้อผ่าน online booking ได้ทันที รวมไปถึงการยกระดับความสะอาดและความปลอดภัยเพื่อให้ลูกค้าเข้าชมโครงการด้วยความมั่นใจ คุมเข้มด้วยมาตรการ “Sansiri Care for All… เพราะเราห่วงใย” พร้อมบริการ Private Tour เพื่อให้ไม่ต้องปะปนกับผู้อื่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 พ.ค. 63)
Tags: SIRI, ที่อยู่อาศัย, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, อุทัย อุทัยแสงสุข, แสนสิริ