กองสลากฯ ล้างบางแก๊งค์ขายต่อล็อตเตอรี่ผ่านออนไลน์-หวยชุดดันราคาพุ่งเกินกำหนด

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ในฐานะโฆษกสำนักงานสลากฯ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสำนักงานสลากฯ จะมีการประชุมในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งเกินราคา 80 บาทแบบครบวงจรในช่วงที่ยังไม่สามารถออกสลากออนไลน์มาแก้ไขปัญหาในระยะยาวได้ เนื่องจากสถานการณ์จำหน่ายสลากเกินราคา 80 บาทมีความรุนแรงมากขึ้น และยังมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เศรษฐไทยยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19

สำนักงานสลากฯ เห็นว่าการแก้ไขปัญหาสลากกินแบ่งเกินราคาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คือการจำหน่ายในรูปแบบออนไลน์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถซื้อสลากในราคาตามกฎหมายได้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกับการดำเนินการในหลาย ๆ ประเทศ แต่ พ.ร.บ.สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ.2563 กำหนดให้การออกสลากออนไลน์จะต้องผ่านการฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องให้รอบด้านก่อนนำเสนอกระทรวงการคลัง และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ไม่ใช่อำนาจที่คณะกรรมการสลากฯ จะทำได้โดยตรง

“การแก้ไขปัญหาสลากเกินราคา แบบเบ็ดเสร็จทางเดียวคือต้องขายผ่านออนไลน์ คือ การใช้ระบบคอมพิวเตอร์ แต่อาจจะมีผลกระทบมากมาย ซึ่งยืนยันว่า ถ้ามีการคิดระบบเสร็จแล้ว คนขายรายย่อยที่ขายสลากใบจะยังขายได้เหมือนเดิม รวมทั้งคนพิการ ไม่กระทบ และคนซื้อก็จะสามารถซื้อได้ในราคาตามกฎหมาย และยืนยันว่าสลากแบบใบก็จะยังมีอยู่ เพื่อเป็นทางเลือกควบคู่กันไป แต่ทั้งหมดก็ยังเป็นเรื่องระยะยาว”

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สลากฯ ไม่มีการควบคุมคนขาย ไม่ได้กำหนดความผิดยี่ปั๊วซาปั๊วที่ขายเกินราคา ควบคุมแค่ห้ามจำหน่ายเกินราคา หากพบต้องเสียค่าปรับ 10,000 บาท และห้ามขายให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเท่านั้น เมื่อไม่สามารถควบคุมคนขายได้ คนขายจึงเพิ่มขึ้นทุกวัน ใครอยากขายก็ขายได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤติโควิดทำให้คนตกงานมากขึ้น จึงมีจำนวนผู้ต้องการขายสลากเพิ่มขึ้นจาก 2 แสนคน เป็น 4 แสนคน

ปัจจุบัน การพิมพ์สลากจำหน่าย จำนวน 100 ล้านใบต่องวด ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมแล้ว เพราะที่ผ่านมาสลากไม่เคยขายเหลือแผง และไม่ขาดแผง แต่ปัญหาเกินราคา มาจากปริมาณการพิมพ์ไม่พอต่อความต้องการของคนซื้อเพื่อเอาไปขายมากกว่า ความต้องการซื้อสลากเพื่อเสี่ยงโชคของประชาชน ดังนั้น การพิมพ์เพิ่มอาจแก้ปัญหาไม่ตรงจุด การพิมพ์เพิ่มราคาขายตกได้ แต่อาจมองเป็นการมอมเมาสังคม

“ขณะนี้ มีคนต้องการนำสลากไปขายมากกว่าความต้องการซื้อสลากในระบบ เพราะคนขายหน้าใหม่มองว่ายังขายมีกำไร เช่น นำไปรวมชุด ทำให้ราคาสลากต่องวดปรับเพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งยังมีผู้ขายรายใหม่ที่เป็นรายใหญ่ไม่มีสลากในมือ เช่น กลุ่มดอทคอม ที่เข้ามามีสัดส่วนถือครองจำหน่ายสลากเพิ่มมากกว่า 5-10% ของปริมาณสลากในระบบ 100 ล้านใบในแต่ละงวด”นายธนวรรธน์ กล่าว

ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการในวันที่ 23 ธ.ค.นี้คณะกรรมการฯ จะพิจารณาถึงแนวทางควบคุม ตัวแทนจำหน่ายสลากที่ไม่ได้นำสลากฯ ไปจำหน่ายเอง ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์สำนักงานสลากฯ รวมทั้งการเข้ามากว้านซื้อสลากของกลุ่มที่นำสลากไปขายต่อผ่านออนไลน์ ซึ่งมาตรการที่ออกมาน่าจะกระทบกระเทือนต่อทั้งระบบ เพราะต้องการให้การขายสลากผ่านออนไลน์ขายในราคา 80 บาทเท่านั้น

ทั้งนี้ กลุ่มที่นำสลากฯไปขายผ่านออนไลน์ไม่ได้มีสลากอยู่ในมือ หาสลากไม่ได้ โดยในระยะแรกบอกเป็นการฝากขายและระยะหลัง ๆ กลายเป็นการไปกว้านซื้อมาขายเอง ทำให้ราคาสูงขึ้น ซึ่งส่วนนี้สำนักงานสลากฯ ไม่สามารถตรวจสอบความผิดใด ๆ ได้ เพราะไม่มีหลักฐานว่ารับสลากมาจากผู้ที่มีโควตา หรือ ได้สิทธิจอง-ซื้อสลากจากกลุ่มใด

รายงานจากสำนักงานสลากฯ เปิดเผยว่า แนวทางที่สำนักงานสลากฯ จะนำมาแก้ปัญหาคือเน้นไปที่กลุ่มที่ได้รับโควตาจำหน่ายสลากฯ และกลุ่มรายย่อยที่ลงทะเบียนสิทธิจอง-ซื้อแต่ไม่ได้นำไปจำหน่ายเอง ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของจำนวนโควต้าสลากทั้งหมด เช่น กำหนดรูปแบบการซื้อ-ขายสลากผ่านแอพพลิเคชั่นทั้งหมด จากเดิมที่ต้องจ่ายเป็นเงินสด

โดยปัจจุบันที่มีการเปิดจำหน่ายสลากในร้านตัวแทนผ่านแอพเป๋าตังค์ ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้แก้ปัญหาสลากเกินราคาได้ เพราะต้องขายในราคา 80 บาท ผู้ซื้อจะสแกนจ่ายเงินผ่านแอพเป๋าตังค์ สามารถระบุตัวผู้ซื้อได้ แก้ปัญหาสลากเปลี่ยนมือ และจัดการกับปัญหาพวกขายสลากผ่านออนลน์ต่างๆได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top