เงินบาทเปิด 33.40 ทรงตัวจากวานนี้ หลังผลประชุมเฟดเป็นไปตามคาด จับตา ECB-BoE

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.40 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากเย็นวานนี้

เช้านี้เงินบาททรงตัวจากท้ายตลาด จากดอลลาร์ในตลาดโลกที่ย่อตัวลง หลังผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เป็นไปตามคาด คือ เฟดจะเร่งการถอน QE สองเท่า และปีหน้าประมาณการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยว่า อาจขึ้นถึง 3 ครั้ง ด้านตลาดสกุลเงินภูมิภาคส่วนใหญ่แข็งค่า เป็นไปตามดอลลาร์ที่อ่อนค่า

“หลังจากที่ตลาดได้ความชัดเจนเรื่องนโยบายการเงินของเฟด จึงเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.30-33.50 บาท/ดอลลาร์ โดยวันนี้ต้องติดตามการ
ประชุมของธนาคารกลางยุโรป และอังกฤษ

THAI BAHT FIX 3M (15 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.10527% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.26686%

SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.46500 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.14 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 113.72 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1287 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1270 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.408 บาท/
    ดอลลาร์
  • สมาคมธนาคารไทยจึงได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สภาหอการค้า, สภาอุตสาหกรรมแห่ง
    ประเทศไทย (ส.อ.ท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้นผ่านโครงการDigital Supply Chain Finance ภายใต้แผนงาน Smart Financial and Payment Infrastructure for Business
  • รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ได้ประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยว พบว่าปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง และปีหน้าหากมีการผ่อนปรนเปิดด่านชายแดนให้นักท่องเที่ยวจากเพื่อนบ้านทั้ง 4 รวมถึงจีนเปิดให้คนเดินทางออกนอกประเทศได้ จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวไทย ล่าสุด ได้ปรับเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติปีหน้าเป็น 8-15 ล้านคน สร้างรายได้ 1.3-1.5 ล้านล้านบาท ส่วนปี 2566คาดมีนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แถลงมติการประชุมในวันพุธตามเวลาสหรัฐ ซึ่งผลการประชุมเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และประกาศว่าจะเพิ่มการปรับลดวงเงินในโครงการ QE เป็นเดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค. 2565 โดยการปรับลดวงเงิน QE ของเฟดจะเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค. 2565
  • นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 และปรับขึ้นดอกเบี้ยจำนวน 2 ครั้งในปี 2566 และปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปี 2567
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.8% หลังจากพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนต.ค.
  • สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านปรับตัวขึ้น 1 จุด สู่ระดับ 84 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในปีนี้ เทียบเท่ากับเดือนก.พ.
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากรายงานยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.
  • สัญญาทองคำปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมเฟดโดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะแถลงมติอัตราดอกเบี้ย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่นักลงทุนจับตาในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการขั้นต้นเดือนธ.ค.จากมาร์กิต
  • นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 16 ธ.ค. ส่วนธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะประชุมในวันศุกร์ที่ 17 ธ.ค.นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top