เงินบาทเปิด 33.50 คาดกรอบวันนี้ 33.40-33.60 ตลาดจับตาประชุมเฟดสัปดาห์นี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าเล็ก น้อยจากปิดตลาดเมื่อเย็นวันพฤหัสบดีที่ระดับ 33.47 บาท/ดอลลาร์ โดยเมื่อวันศุกร์ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ออกมาสูงสุดในรอบ 39 ปี ทำให้ตลาดมีการลงทุนอย่างระมัดระวัง และจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะส่งสัญญาณเรื่องระยะเวลาในการปรับลด QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ยังมีการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศที่สำคัญนัดสุดท้ายของปี

“บาทอ่อนค่าจากเย็นวันพฤหัสฯ แต่ดูตลาดมีการลงทุนอย่างระมัดระวัง เพราะในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมเฟดที่จะส่งสัญญา ณเรื่องการปรับลด QE และการปรับขึ้นดอกเบี้ย ช่วงนี้ธุรกรรมอาจเบาบางเนื่องจากใกล้เทศกาลวันหยุด”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.40 – 33.60 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (9 ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.03385% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.19480%

ปัจจัยสำคัญ

– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.49 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันพฤหัสฯ ที่ระดับ 113.55 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1309 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันพฤหัสฯ ที่ระดับ 1.1319 ดอลลาร์/ยูโร

– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.424 บาท/ดอลลาร์

– ธุรกิจยักษ์ใหญ่ตบเท้าลงสมรภูมิ “คริปโทเคอร์เรนซี-โทเคนดิจิทัล” รับเมกะเทรนด์โลก “อสังหา-ค้าปลีก” จับขั้วพันธมิตร บูมตลาด เร่งสร้างอีโคซิสเต็ม ต่อยอดทางเลือกใหม่การลงทุนแห่งอนาคต เสริมแกร่งเศรษฐกิจหลังโควิดกรุยทางสู่ “นิวอีโคโนมี” – “คลัง” หวั่น คริปโทเคอร์เรนซี กระทบเสถียรภาพระบบการเงิน-ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล ไทย เผย ก.ล.ต.นัดหารือมาตรการตรวจสอบปั่นราคา คริปโท 23 ธ.ค. นี้ ด้าน ก.ล.ต. ชี้ แนวทางดูแลยึดหลัก “สนับสนุนการพัฒนา ควบคู่กับคุ้มครองนักลงทุน” เตือน บจ.เพิ่มความระมัดระวังรับสินทรัพย์ดิจิทัลชำระสินค้า-บริการ “ธปท.” เร่งสรุปแนวทางกำกับสินทรัพย์ดิ จิทัล

– รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. โดยความเห็นชอบของ รมว.คลัง ได้ออกหลัก เกณฑ์การกำกับดูแลสำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ (แบงก์รัฐ) เพื่อยกระดับการดำเนินการของแบงก์รัฐให้มีประสิทธิภาพ มั่นคงปลอดภัย และสามารถดำเนินการตามพันธกิจได้อย่างยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยครั้งนี้ ธปท.เห็นควรทำหลักเกณฑ์กำกับดูแลแบงก์รัฐ 5 ฉบับ ซึ่งจะมี ผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 เป็นต้นไป

– “กบข.” จับตาประชุมเฟด วันที่ 14-15 ธ.ค.2564 คาดขยับดอกเบี้ยเร็วขึ้น หวังลดแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อกระฉูด ห่วง โอมิครอนกระทุ้งปัญหา supply disruptions อยู่ยาว พร้อมแนะปรับพอร์ตลงทุน หันถือสินทรัพย์ที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ชู “หุ้น สินค้าโภคภัณฑ์” แจ่มสุด รับอานิสงส์เฟ้อพุ่งเต็มสูบ

– ททท.เผยต่างชาติกังวลโควิดระลอกใหม่ ชะลอเดินทางเที่ยวไทยฉุดเป้าหมาย 2 เดือนสุดท้ายเหลือ 3 แสนคน เตรียม เสนอเพิ่มสิทธิ์ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ หวังปลุกเที่ยวในประเทศช่วงสิ้นปี

– กระทรวงอุตฯ-พลังงาน เตรียมให้ของขวัญปีใหม่คนไทย จัดงานสินค้าราคาถูก ลดค่าครองชีพ พร้อมตรึงหรือลดราคาน้ำมัน ช่วงปีใหม่ ขณะที่โพลระบุ ของขวัญ ปีใหม่ ที่คนไทยอยากได้จากรัฐบาลคือการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ช่วยค่าครองชีพ ส.ส.-ส.ว.ทำงานเต็ม ที่ พรรคการเมืองหยุดถอนทุน

– “เอสเอ็มอี” ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก นับล้านรายส่ออาการหนักไปต่อไม่ไหว NPL ขยับต่อเนื่อง แนะรัฐปรับ มาตรการดูแลใหม่ให้สอดรับเหตุการณ์ เน้นกระตุ้นกำลังซื้อที่มุ่งมาในกลุ่มนี้ให้มากขึ้น จับตา “โอมิครอน” ใกล้ชิด หวั่นซ้ำเติมหากทุกส่วน การ์ดตก

– World Semiconductor Trade Statistics (WSTS) เปิดเผยคาดการณ์ว่า ความต้องการชิปทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 8.8% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่กว่า 6 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2565 หลังจากที่พุ่งขึ้น 25.6% ในปีนี้

– นายกรัฐมนตรีอังกฤษเตือนว่า อังกฤษกำลังเผชิญกับ “คลื่นยักษ์” ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน และวัคซีน 2 โด สไม่เพียงพอที่จะควบคุมไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าว พร้อมกับกล่าวว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังเร่งโครงการปูพรมฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับประชาชน

– หน่วยงานด้านสุขภาพในมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า มีรายงานการพบผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N6 รายหนึ่งในเมืองฮุ่ยโจว

– กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่ง ขึ้น 6.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.7%

– ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก การเริ่ม สร้างบ้าน การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและฟิลาเดลเฟีย ตลอดจนรายงานเบื้องต้น ของ PMI เดือนธ.ค.

– บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 14-15 ธ.ค.นี้ เพื่อหาสัญญาณ บ่งชี้เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า รวมถึงการปรับลดอัตราการซื้อพันธบัตรหลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐพุ่ง ขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี

– ผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.25-0.50% ในไตรมาส 3 ของปีหน้า และจะปรับขึ้นอีกในไตรมาส 4 อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่านั้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ธ.ค. 64)

Tags: ,
Back to Top