บลจ.ทหารไทยมองบวกหุ้นจีนโตระยะยาว ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีต่อเนื่อง-EV

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทย (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนยังมีความน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนจะมีการปรับฐานลงมากว่า 30% หลังจากที่จีนมีการออกมาตรการควบคุมต่างๆออกมา ภายใต้การดำเนินนโยบาย Common Prosperity ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องของนโยบายที่จะออกมาควบคุม และทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล ทำให้ตลาดหุ้นจีนเกิดการปรับตัวลงมา แต่ปัจจุบันถือว่า Downside ในตลาดหุ้นจีนค่อนข้างจำกัดมากแล้ว แม้ว่าอาจจะยังมีความเสี่ยงในด้านนโยบายอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ยังมองว่าเป็นโอกาสที่นักลงทุนสามารถเริ่มทยอยลงทุนได้

โดยภาพในระยะยาวจีนยังมีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดี รวมไปถึงการลงทุนพัฒนาอุตสาหกรรมในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีที่มีการลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การลงทุนในการขยายกำลังการผลิต Semiconductor ที่ตั้งเป้ามีการผลิต Semiconductor เพื่อรองรับการใช้ในประเทศสัดส่วน 70% ภายในปี 68 รวมไปถึงนโยบายการลงทุนด้านพลังงานสะอาดเพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าตัว หลังจากที่เผชิญกับวิกฤติพลังงานในประเทศจีนที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่งผลให้จีนจำเป็นต้องเร่งการลงทุนในพลังงานเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารองรับความต้องการใช้ในประเทศได้อย่างเพียงพอ และลดการพึ่งพาพลังงานดั้งเดิมได้อย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ในเรื่องของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV car) จีนถือว่ามีการพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่อง และสนับสนุนให้ประชาชนมีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น โดยจะเห็นได้จากจำนวนจุดชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่มีจำนวนกว่า 800,000 สถานี มากกว่าสหรัฐฯ ประกอบในเรื่องการพัฒนาแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจีนมีการพัฒนาแบตเตอร์รี่ในการเพิ่มประสิทธิภาพของแบตเตอร์รี่ และการพัฒนาแบตเตอร์รี่ชนิดใหม่ ทำให้จีนมีศักยภาพในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตได้

ขณะที่ประเด็นความกังวลในเรื่องของภาตอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนมองว่าเป็นปัจจัยที่กระทบการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากทางการจีนจะมีการออกมาตรการเข้ามาควบคุม รวมถึงแนวโน้มภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความร้อนแรงในการเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในจีนจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเป็นหลักมากขึ้นหลังจากนี้ ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนเข้าสู่จุดสมดุล และมีเสถียรภาพมากขึ้น

ในส่วนของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในประเทศจีนยังมีความโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะในปี 65 ซึ่งมองว่าจะเป็นปีที่ปัจจัยของโควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงไปมาก ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศจีนกลับมาฟื้นตัวขึ้น รวมถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการผลิตที่ล่าช้าต่างๆมีโอกาสเริ่มคลี่คลาย ทำให้การผลิตกลับมาได้เต็มที่ อีกกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในจีนยังมีความสามารถในการสร้างผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังมีความสามารถในการครองตลาดส่วนใหญ่ได้ ส่งผลบวกต่อการเติบโตของผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในจีนที่จะยังเห็นการเติบโตที่ดี

ขณะที่ในแง่ของ Valuation ของหุ้นจีน ทั้งในตลาด A-share และ H-share ถือว่ามีความน่าสนใจ หลังจากที่ตลาดหุ้นจีนมีการปรับฐานลงมา ซึ่งมีระดับ P/E อยู่ราว 12 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างถูก และยังมีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระดับที่สูงกว่า 14-15% แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามประเด็นเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนหลังจากการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ในเรื่องการลด QE และแนวโน้มของการพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ หากหลังจากการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ออกมาและไม่เห็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนไหลออกในจำนวนที่มาก มองว่าเป็นจังหวะที่จะเข้าสามารถทยอยเข้าลงทุนหุ้นจีนเพื่อสร้างผลตอบแทนในระยะยาวในกอง SSF และ RMF ได้เช่นกัน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top