เงินบาทเปิด 33.27 แข็งค่าจากวานนี้หลังดอลลาร์อ่อน ให้กรอบวันนี้ 33.20-33.40

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.36 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่า เนื่องจากเมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐฯ กลับมาแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดระมัดระวัง และจับตามองการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วงกลางสัปดาห์นี้

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.20 – 33.40 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (1 พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.33282% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.37620%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.07 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 114.19 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1593 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1565 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.410 บาท/ดอลลาร์
  • ททท.คาดหลังเปิดประเทศวันที่ 1 พ.ย. มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเดือนละ 3 แสนคน ตลอดปีนี้อาจได้ 7 แสนคน ขณะที่ภูเก็ตขอดูช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือน พ.ย. ก่อน แต่คาดเดือนนี้อาจได้วันละ 1,000 คน หรือเดือนละ 30,000 คน ส่วนเดือน ธ.ค.เพิ่มเป็นวันละ 3,000 คน หรือ 90,000 คน
  • ภาคธุรกิจ เดินเครื่องกิจกรรม เศรษฐกิจสะพัดกว่า 2 พันล้าน กระตุ้นบรรยากาศจับจ่ายโค้งสุดท้ายรับเทศกาลแห่งความสุข “เซ็นทรัลพัฒนา” ขึ้นจอยักษ์ 7 ภาษา “Welcome to Thailand” หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก ผนึกพันธมิตรอัดโปรฯ พิเศษดึงทัวริสต์
  • แบงก์พาณิชย์ เดินหน้าช่วยลูกหนี้ รอดพ้นโควิด-19 ไทยพาณิชย์ ตั้งเป้าปรับโครงสร้างหนี้ แบบเบ็ดเสร็จช่วยลูกหนี้ 5 แสนล้าน “ทีทีบี” ชี้ยอดลูกหนี้รับความช่วยเหลือวูบเหลือ 12% “กรุงศรีฯ” มียอดช่วยเหลือลูกหนี้แล้ว 13%
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงดัชนีภาคการผลิตที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
  • FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 50% ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนมิ.ย.2565 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เพียง 15% ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย. ก่อนที่จะปรับลดจริงในการประชุมเดือนธ.ค. ซึ่งจะทำให้เฟดยุติมาตรการ QE โดยสิ้นเชิงในกลางปี 2565
  • นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะพุ่งขึ้น 450,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.จะลดลงสู่ระดับ 4.7% จากระดับ 4.8% ในเดือนก.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top