นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เข้าร่วมและกล่าวถ้อยแถลงในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ครั้งที่ 1 ผ่านระบบการประชุมทางไกล พร้อมผู้นำสมาชิกอาเซียน และนายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
นายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน กล่าวว่า เป็นประวัติศาสตร์การยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนรอบด้านออสเตรเลีย-อาเซียน ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความเปลี่ยนแปลงและท้าทายเป็นอย่างมากในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก พร้อมเน้นย้ำว่า ทุกประเทศต้องร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะการสร้างเสถียรภาพในภูมิภาค การสร้างความมั่นคงทางสาธารณสุข ผ่านการเข้าถึงวัคซีนที่ปลอดภัยอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ออสเตรเลียได้เตรียมจัดสรรวัคซีนโควิด-19 จำนวน 10 ล้านโดสให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนภายในปีหน้า รวมทั้งยินดีที่จะสนับสนุนเงินทุนจำนวน 124 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เพื่อช่วยรับมือกับภัยพิบัติและความท้าทายในอนาคต
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันสู่การประชุมในวันนี้ ถือเป็นการประชุมประจำปีครั้งแรก หลังจากอาเซียน-ออสเตรเลีย มีความสัมพันธ์กันมากว่า 47 ปี โดยไทยและอาเซียนพร้อมแลกเปลี่ยนทัศนะ และขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางยุทธศาสตร์กับออสเตรเลียในเวทีนี้ให้มีพลวัต แน่นแฟ้น ครอบคลุม และลึกซึ้งได้มากยิ่งขึ้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการต่าง ๆ ที่ต้องนำไปสู่ความร่วมมือที่สร้างสรรค์ เสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียน และสอดคล้องกับหลักการภายใต้มุมมองอาเซียนต่ออินโด-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ ทุกฝ่ายย่อมมุ่งหวังการเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยต่อการฟื้นฟูในทุกมิติอย่างยั่งยืนหลังโควิด-19 ซึ่งอาเซียนยินดีที่ออสเตรเลีย ยึดมั่นในความเป็นแกนกลางของอาเซียน สนับสนุนกลไกที่อาเซียนมีบทบาทนำ และ AOIP (เอโอไอพี) โดยไทยและอาเซียนหวังที่จะเห็นความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในอินโด-แปซิฟิก
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเสนอแนวทางส่งเสริมความร่วมมือ 3 ด้าน ดังนี้
1.ความร่วมมือด้านสาธารณสุข การเข้าถึงวัคซีนอย่างเป็นธรรม ทั่วถึง และรวดเร็ว ซึ่งอาเซียนเองมีเป้าหมายที่จะเสริมสร้างความมั่นคง และสามารถพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน โดยออสเตรเลียอาจพิจารณาสนับสนุนการดำเนินการตามแผนงาน อาทิ การแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านการวิจัยและพัฒนาวัคซีน และการจัดทำฐานข้อมูลด้านวัคซีนในระดับภูมิภาค
2.ความร่วมมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การเจรจาเพื่อยกระดับ FTA อาเซียน-ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ ให้ตอบสนองต่อความต้องการของภาคเอกชน มีความทันสมัย และเกื้อกูลกับความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) โดยนายกรัฐมนตรี ได้เชิญออสเตรเลียให้ร่วมกันส่งเสริมโมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยเชื่อมั่นว่าจะเป็นแนวทางสำคัญที่นำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเพิ่มพูนความร่วมมือทางไซเบอร์ โดยใช้ประโยชน์จากข้อริเริ่มอาเซียน-ออสเตรเลีย ในการเป็นหุ้นส่วนด้านการเมือง และความมั่นคงในการสร้างเครือข่ายแลกเปลี่ยนข่าวสารและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในการเฝ้าระวัง ตรวจสอบ และประเมินภัยคุกคามทางไซเบอร์
3.ความร่วมมือในการฟื้นฟูความเชื่อมโยงระหว่างประชาชน ควรพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดพรมแดนระหว่างกัน โดยในเบื้องต้นสำหรับนักเรียนนักศึกษา หลังจากนั้นจึงเริ่มส่งเสริมการท่องเที่ยว ภายใต้มาตรการและเงื่อนไขที่เป็นที่ยอมรับร่วมกัน ตลอดจนควรส่งเสริมการใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลในการแลกเปลี่ยนด้านศิลปะ วัฒนธรรม เพื่อให้การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระดับประชาชนไม่ขาดตอน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี หวังจะได้ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันที่ประเทศไทย ในโอกาสที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565 ซึ่งจะตรงกับการครบรอบ 70 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรเลียด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 64)
Tags: ธนกร วังบุญคงชนะ, ประชุมสุดยอดอาเซียน, ประยุทธ์ จันทร์โอชา, สกอตต์ มอร์ริสัน, ออสเตรเลีย