นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน และผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน เปิดเผยว่า สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กส่งมอบเดือน พ.ค. ร่วงลง 55.90 เหรียญสหรัฐ หรือ 306% ปิดที่ -37.63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์นั้น เป็นเฉพาะเหตุการณ์ในสหรัฐเท่านั้น โดยเหตุการณ์ราคาน้ำมันที่เห็นวันนี้เป็นเพียงความผันผวนช่วงเปลี่ยนสัญญา เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI เป็นสัญญาส่งมอบเดือน พ.ค.จะหมดอายุลงในวันนี้ (21 เม.ย.) ทำให้คนที่ถือครองสัญญาต้องรับน้ำมันจริง ทำให้ผู้ที่ไม่ต้องการรับน้ำมันต้องขายสัญญาออกมาก่อนที่จะหมดอายุ
ประกอบกับในสหรัฐมีภาวะโอเวอร์ซัพพลายและไม่มีถังเก็บน้ำมัน เพราะใช้เก็บน้ำมันเกือบเต็มทั้งหมดแล้ว ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐลดลง 20-30%
“น้ำมันที่ขายออกมาวันนี้ก็ไม่ค่อยมีคนซื้อ คนขายที่มาขายในวันสุดท้ายจำเป็นต้องขายในราคาถูก แล้วพอไม่มีคนซื้อ ราคาติดลบก็ยอมขาย คือขายก็ต้องแถมเงินให้ด้วยเพื่อที่คนซื้อจะได้มีค่าขนส่งและจ่ายค่าที่เก็บน้ำมัน เพราะถ้าเขาไม่ขายก็ต้องรับน้ำมัน เขาคล้าย ๆ คนเล่นหุ้น แต่ไม่ได้ต้องการหุ้น เขาเป็นคนซื้อขายน้ำมัน แต่ไม่ต้องการน้ำมัน ฉะนั้น มารอจนถึงวันสุดท้าย เท่าไหร่ก็ต้องขาย”
นายมนูญ กล่าว
นายมนูญ มองว่าราคาน้ำมันดิบในสหรัฐจะมีความผันผวนเฉพาะในช่วง 1-2 วันนี้เท่านั้น เพราะเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ซึ่งเป็นวันเริ่มสัญญาส่งมอบเดือน มิ.ย. ก็จะเห็นราคาน้ำมัน WTI ปรับตัวขึ้นมา เพราะราคาสัญญาส่งมอบเดือน มิ.ย.ยังอยู่ที่ราว 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยราคาดังกล่าวเกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐเท่านั้น ไม่ได้สะท้อนมาที่ตลาดน้ำมันดูไบ ดังนั้น ราคาน้ำมันเบรนท์ และดูไบ ยังอยู่ในระดับกว่า 20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนทิศทางราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศไทยนั้น ต้องรอดูทิศทางราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ที่จะปิดในช่วงเย็นนี้ว่าจะสะท้อนราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับลดลงอย่างไร แต่เบื้องต้นมองว่าไม่น่าจะมีผลมากนัก อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดว่าทิศทางราคาขายปลีกน้ำมันของไทยในไตรมาส 2/63 เฉลี่ยน่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากช่วงไตรมาสแรก หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไทยเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ก็จะทำให้มีการผ่อนคลายการล็อกดาวน์พื้นที่เสี่ยงบางส่วน และกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้บ้าง ทำให้คาดว่าทิศทางการใช้น้ำมันน่าจะเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่สถานการณ์โควิดทำให้การใช้น้ำมันในไทยลดลงราว 5-10%
ด้านภาพรวมทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกช่วงไตรมาส 2/63 น่าจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไปบริเวณ 25-30 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพราะการผลิตน้ำมันภาพรวมไม่ได้ลดลงมาก แต่การที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) และผู้ผลิตในกลุ่ม G20 จะลดกำลังการผลิตน้ำมันรวมกันราว 19.5 ล้านบาร์เรล/วัน ก็น่าจะทำให้ราคาน้ำมันไม่ได้ปรับลดลงไปมาก ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของทั่วโลกว่าจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใดด้วย
บมจ.ไทยออยล์ (TOP) รายงานราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดวานนี้ ลดลง 55.90 เหรียญสหรัฐ มาที่ -37.63 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ ลดลง 2.51 เหรียญสหรัฐ มาที่ 25.57 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และน้ำมันดิบ ดูไบ เพิ่มขึ้น 0.17 เหรียญสหรัฐ มาที่ 20.95 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
โดยราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังได้รับแรงกดดันจากการเทขายทำกำไรของนักลงทุนก่อนที่สัญญาเดือน พ.ค.จะสิ้นสุดในวันที่ 21 เม.ย.63 และความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐ ปรับตัวลดลงมากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐ จะเต็มในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบต้องจ่ายเงินเพื่อระบายน้ำมันดิบแทน ขณะที่ซาอุดีอาระเบีย เตรียมเสนอให้กลุ่มโอเปกและประเทศพันธมิตรเริ่มปรับลดกำลังการผลิตตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตเลย จากกำหนดที่จะเริ่มในเดือน พ.ค.63
สำหรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ตลาดสิงคโปร์ ปิดเมื่อวานนี้ เบนซิน ออกเทน 95 อยู่ที่ 23.20 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.54 เหรียญสหรัฐ และน้ำมันดีเซล อยู่ที่ 30.47 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ลดลง 0.55 เหรียญสหรัฐ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 63)
Tags: WTI, ดีเซล, ตลาดสิงคโปร์, น้ำมันดิบ, พลังงาน, มนูญ ศิริวรรณ, ราคาน้ำมัน, เบนซิน, โอเปกพลัส, ไทยออยล์