ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางการสหรัฐมีแผนที่จะเพิ่มน้ำมันเข้าคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) มากถึง 75 ล้านบาร์เรล หลังจากราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อคืนนี้
ปธน.ทรัมป์ ให้เหตุผลในการพิจารณาซื้อน้ำมันเพิ่มว่าเป็นเพราะราคาน้ำมันทรุดตัวลงหนักมาก และเมื่อซื้อน้ำมันเข้าคลังเพิ่มขึ้นแล้ว แล้วก็จะทำให้ปริมาณน้ำมันในคลังสำรอง SPR ปรับตัวสูงขึ้น ตามวัตถุประสงค์ของทางรัฐบาล
ปธน.ทรัมป์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันติดลบนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยตนต้องการให้สภาคองเกรสอนุมัติแผนการดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้เป็นเวลาที่สมควรซื้อน้ำมัน
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ลดลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่แพร่ระบาดทั่วโลก นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการที่คลังน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ท่ามกลางภาวะน้ำมันล้นตลาด
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ร่วงลง 55.90 ดอลลาร์ หรือ 306% ปิดที่ -37.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงสู่ระดับติดลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เริ่มมีการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาด NYMEX เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่า การที่รัฐบาลทั่วโลกใช้มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งรวมถึงการสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและห้ามเดินทางเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น จะส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันทรุดตัวลง
นอกจากนี้ การที่คลังเก็บน้ำมันของสหรัฐกำลังกักเก็บน้ำมันใกล้เต็มความจุ ในขณะที่สต็อกน้ำมันสหรัฐก็พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ด้วยนั้น ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันดิบ WTI เดือนพ.ค. ซึ่งจะครบกำหนดส่งมอบในวันอังคารที่ 21 เม.ย.นี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 เม.ย. 63)
Tags: NYMEX, WTI, น้ำมันดิบ, น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส, โดนัลด์ ทรัมป์