
SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,605.17 จุด ลดลง 0.51 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 75,664.82 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ เผยตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวลงก่อนดีดขึ้นแล้วปิดเหนือระดับ 1,600 แกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ กังวลเพดานหนี้สหรัฐและวิกฤติพลังงานในจีน ดังนั้น ปัจจัยต่างประเทศยังกดดัน แต่โมเมนตัมตลาดบ้านเราระยะสั้นมีเพียงปัจจัยลบจากสถานการณ์น้ำท่วม และวันนี้เริ่มคลายล็อกดาวน์ รวมถึงบาทชะลออ่อนค่า สัปดาห์หน้าตลาดฯน่าจะสร้างฐานก่อน-ดัชนีฯคงแกว่งไซด์เวย์เข้าช่วงพรีวิวงบฯไตรมาส 3/64 ของกลุ่มแบงก์มองกำไรไม่เด่น และปัจจัยนอกประเทศยังไม่เอื้อ ให้แนวรับ 1,590 แนวต้าน 1,620 จุด
- ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,605.17 จุด ลดลง 0.51 จุด (-0.03%) มูลค่าการซื้อขาย 75,664.82 ล้านบาท
- การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,609.48 จุด และระดับต่ำสุด 1,593.32 จุด
- ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 544 หลักทรัพย์ ลดลง 1,029 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 594 หลักทรัพย์
นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ย่อตัวลงก่อนดีดตัวกลับขึ้นมาหลังเข้าใกล้แนวรับ 1,592 จุด และดัชนีฯยังสามารถปิดตลาดยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้ ซึ่งถือว่าตลาดบ้านเราดูจะแข็งแกร่งกว่าตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ เช่นเดียวกับตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเฉลี่ย 0.8% เหมือนกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สติดลบเกือบ 200 จุด รับแรงกดดันปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าที่สุดแล้วก็น่าจะตกลงกันได้เหมือนทุกรอบ และกังวลปัญหา Supply พลังงานเกิด Shorttage ในจีน ดังนั้น ปัจจัยจากต่างประเทศจึงเป็นแรงกดดันอยู่
ทั้งนี้ บ้านเราในระยะสั้นไม่มีปัจจัยกดดันมาก มีเพียงสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งหากไม่เข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯก็น่าจะผ่อนคลายได้เร็ว และในวันนี้ (1 ต.ค.) เริ่มคลายล็อกดาวน์มาตรการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนั้นโมเมนตัมในประเทศถือว่ายังดี นอกจากนี้เงินบาทเริ่มชะลอการอ่อนค่าแล้ว โดยมาอยู่แถว 33.5-33.6 บาท ถือว่าดีขึ้น
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯยังไม่ปลดล็อกทีเดียว และยังเข้าสู่ช่วยของการพรีวิวผลประกอบการของกลุ่มแบงก์งวดไตรมาส 3/64 คาดว่ากำไรคงไม่ได้โดดเด่นและมีโอกาสถอยลงเล็กน้อย ดังนั้น ตลาดฯจึงน่าจะสร้างฐานก่อน โดยดัชนีฯคงแกว่งไซด์เวย์ เนื่องจากปัจจัยนอกประเทศยังไม่เอื้อ อย่างไรก็ดี ไตรมาส 4/64 น่าจะเห็นผลดำเนินงานฟื้นตัว
พร้อมให้แนวรับ 1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,725.80 ล้านบาท ปิดที่ 13.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 3,613.48 ล้านบาท ปิดที่ 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,324.12 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,515.13 ล้านบาท ปิดที่ 123.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
GUNKUL มูลค่าการซื้อขาย 2,100.60 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.19 บาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 64)
Tags: ตลาดหุ้น, หุ้นไทย