PACO เพิ่มสินค้าใหม่กลุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์-กลุ่ม EV รับเทรนด์อนาคต

นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) กล่าวว่า บริษัทได้เพิ่มสินค้าใหม่ กลุ่มคอมเพรสเซอร์แอร์รถยนต์ และชิ้นส่วนระบบท่อแอร์ต่างๆ เพื่อเติมเต็มกลุ่มผลิตภัณฑ์ และเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทอย่างมั่นคง โดยช่วงแรกจะมุ่งเน้นสินค้าสำหรับรถยนต์นั่งยอดนิยม อาทิ โตโยต้า อัลติส และ ฮอนด้า ซิวิค และรถบรรทุกเล็กขนาด 1 ตัน อาทิ โตโยต้า วีโก้ อีซูซุ ดีแมกซ์

ยิ่งกว่านั้น PACO ยังได้ขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู หรือ Luxury Cars อาทิ พอร์ช เมอร์ซิเดส เบ๊นซ์ บีเอ็มดับบลิว โดยชูจุดเด่น ด้านคุณภาพการผลิตมาตรฐานสากล พร้อมการรับประกันสินค้า 1 ปีในราคาที่ประหยัดกว่าเกิน 50% ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อนึ่ง ธุรกิจหลักของ PACO คือ ผลิตและจำหน่าย คอยล์ร้อนและคอยล์เย็น แอร์รถยนต์ภายใต้แบรนด์ PACO มาร่วม 30 ปี ซึ่งส่งออกจำหน่ายตลาดต่างประเทศ ทุกทวีป และ จำหน่ายในประเทศผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ เครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub กว่า 200 สาขา

นอกจากนี้ PACO คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากสภาวะการ IC Chip ขาดตลาดซึ่งทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ทั่วโลกได้รับผลกระทบ และจะผลิตรถใหม่ได้น้อยลง ทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งต้องชะลอการซื้อรถใหม่ และใช้รถคันเดิมต่อไป ทำให้ตลาดอะไหล่รถยนต์ทดแทนคึกคักมากยิ่งขึ้น

บริษัทยังได้เปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลก คือ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยเริ่มจากผลิตภัณฑ์ แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid) ซึ่งขณะนี้ PACOได้ผลิตแบตเตอรี่คูลเลอร์ สำหรับ Tesla ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าอันดับ 1 ของโลก สำหรับรุ่น Tesla Model XและTesla 3 ตลอดจน รถยนต์ Plug-in Hybrid แบรนด์ BMW Series 3 และ Series 5 รุ่นปัจจุบัน (G20และG30) ซึ่งได้รับความนิยมสูงทั่วโลก โดย PACO เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ทดแทนรายแรกของไทย ที่เริ่มเปิดตลาดแบตเตอรี่คูลเลอร์ ทั้งตลาดส่งออกและตลาดในประเทศ

“ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า(EV)เป็นตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง และจะเข้ามา แทนที่ตลาดรถยนต์ที่ใช้น้ำมันในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะในทวีปยุโรป และ ประเทศจีน ซึ่งเป็น1ในตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากทุกปี มีแบรนด์ รถยนต์ ไฟฟ้าหลากหลายแบรนด์ และ จำหน่ายในราคาที่แข่งขันได้ กับรถยนต์ ที่ใช้ น้ำมัน (IC) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกปี สามารถขับรถได้ระยะทางได้ไกลขึ้น (400-500 กิโลเมตร) ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง และแบตเตอรี่มีราคาถูกลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมียอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ Plug-in Hybrid ทั่วโลกมากกว่า 11 ล้านคัน ณ สิ้นปี 63 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 230 ล้านคันภายในปี 73 จึงเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่พอสมควร

โดยผลิตภัณฑ์ของ PACO มีจุดเด่นที่มีคุณภาพเทียบเคียงกับอะไหล่แท้ ในราคาที่ต่ำกว่าประมาณกว่า 200% และมีการรับประกันสินค้านานถึง 12 เดือน โดยบริษัทจะมุ่งเน้นตลาดส่งออกเป็นหลัก และมีวางจำหน่ายตลาดในประเทศในเครือข่ายร้านPACO Auto Shop กว่า 200 สาขาในปัจจุบัน”นายสมชาย กล่าว

นอกจากนี้ PACO เตรียมขยายตลาดส่งออก ปีนี้คาดว่าจะเติบโตได้ดี บริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดรถยนต์ทั่วโลกฟื้นตัวดี มีคำสั่งซื้อรถยนต์ใหม่ และ อะไหล่รถยนต์เพิ่มมากขึ้น โดยตลาดส่งออก หลักของบริษัทฯ คือ ประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง มีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากราคาน้ำมันในตลาดโลก ที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันที่มากขึ้นจากการเปิดเมือง ของ สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรป ทำให้บริษัทฯได้รับคำสั่งซื้อแอร์รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าหลักเพิ่มขึ้นอย่างมาก นอกจากนี้บริษัทฯได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงเนื่องจากรายได้หลักของบริษัทฯซึ่งมาจากการส่งออกกว่า60%ประกอบกับราคาวัตถุดิบเริ่ม ปรับตัวลดลง

ส่วนตลาดในประเทศ PACO มั่นใจว่า แผนการขยายเครือข่ายร้านอะไหล่แอร์รถยนต์ครบวงจร ภายใต้แบรนด์ PACOAuto Hub ได้ถึง 300 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มยอดขาย ตลอดจนสร้างแบรนด์ PACO ให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้รถยนต์ในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งด้านช่องทางการจำหน่ายสินค้า

อย่างไรก็ตาม บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ผลการดำเนินงานจะเติบโตมากกว่าเป้าหมาย 15% โดยในครึ่งปีหลังเตรียมจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าในมาเลเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับไทย เพื่อเจาะตลาดและเพิ่มยอดขายอย่างมีประสิทธิภาพ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top